ตำรวจเปิดปฏิบัติการ "ยุทธการเด็ดปีกแก๊งลักลอบขนต่างด้าว" จับขบวนการลักลอบขนแรงงานเถื่อน ชี้พฤติกรรมเข้าข่ายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติและการฟอกเงิน มีนายทุนคอยควบคุมสั่งการ แจ้งจำนวนรถกระบะที่ต้องออกจาก กทม.-ปริมณฑล ขึ้นไปรับต่างด้าวตามจุดนัดพบแนวตะเข็บชายแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย
เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 พ.ต.อ.ภูริส จินตรานันท์ ผกก.สส.ภ.จ.ชัยนาท พ.ต.ท.กิตติพนธ์ สังฆะพันธ์ รอง ผกก.สส.3 บก.สส.ภ.1 ปฏิบัติการ "ยุทธการเด็ดปีกแก๊งลักลอบขนต่างด้าว" เมื่อวันที่ 17-18 ก.พ. ที่ผ่านมา นำกำลังจับกุมนายสุรัตน์ แก้วสด (หมู) ได้ที่บ้านเลขที่ 365 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 4 แขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กทม. และนายสมคิด แก้วสด (วุฒิ) น้องนายสุรัตน์ได้ที่บ้านเลขที่ 8/237 ถนนเลียบคลองทวีวัฒนา แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กทม. ตามหมายจับศาลจังหวัดชัยนาท ที่ จ.33,34/2568 ลงวันที่ 14 ก.พ.68 ตามลำดับ ข้อหา ร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยเหลือ หรือช่วยด้วยประการใดๆ แก่คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เพื่อให้พ้นจากการจับกุม พร้อมรถยนต์ของกลาง 3 คัน ทะเบียน 7กฆ 3657 กทม. บษ 7458 สระบุรี และ 3 ฒฏ 703 กทม.
นอกจากนี้ชุดสืบสวนยังขยายผลร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก นำหมายค้นของศาลจังหวัดตาก ค.38/68 ลงวันที่ 17 ก.พ.68 ค้นบ้านเลขที่ 149 ม.1 ต.ตากออก อ.บ้านตาก จ.ตาก และหมายค้นเลขที่ ค.39/68 ลงวันที่ 17 ก.พ.68 ค้นบ้านเลขที่ 10/2 ม.1 ต.ตากออก อ.บ้านตาก จ.ตาก บ้านพักของผู้สั่งการและนายทุนลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ผลการตรวจค้นทั้ง 2 หลัง ไม่พบผู้ต้องหา
...
ส่วนกำลังอีกชุดจับกุม น.ส.ศณาภัทร ปุริง อายุ 29 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 40/03229 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ตามหมายจับศาลจังหวัดชัยนาทที่ จ.37/2568 ลงวันที่ 14 ก.พ. 68 ข้อหา ร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยเหลือหรือช่วยด้วยประการใดๆ แก่คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เพื่อให้พ้นจากการจับกุม
สืบเนื่องจากตามนโยบายของรัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กวาดล้างขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าว รวมถึงตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้ช่วย ผบ.ตร. ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สั่งการให้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1 พล.ต.ท.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1 (หัวหน้าชุดสืบสวนขยายผล) เครือข่ายขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวตัดวงจรอย่างเป็นรูปธรรม
พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1 พล.ต.ต.สุรวุฒิ แสงรุ่งเรือง ผบก.ภ.จ.ชัยนาท สั่งการให้ พ.ต.อ.ภูริส จินตรานันท์ ผกก.สส.ภ.จ.ชัยนาท พ.ต.ท.กิตติพนธ์ สังฆะพันธ์ รอง ผกก.สส.3 บก.สส.ภ.1 เร่งทลายเครือข่าย
เมื่อวันที่ 24 ม.ค.68 จับนายมานะศักดิ์ ละดาดก อายุ 41 ปี ข้อหา รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น ขัดคำสั่งเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอำนาจที่มีกฎหมายให้ไว้ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นโดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควรฯ พร้อมของกลาง รถกระบะโตโยต้า รีโว (มีข้างเสริม) สีเทา ทะเบียน ผต-269 อุบลราชธานี ขนต่างด้าว 17 คน แจ้งข้อหา เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
รายที่ 2 จับกุม นายสุริยา จัดระเบียบ อายุ 41 ปี ข้อหา รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม ขณะขับรถกระบะอีซูซุ ดีแม็กซ์ สีขาว ทะเบียน กท-92966 สระแก้ว ขนต่างด้าว 16 คน แจ้งข้อหา เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
ต่อมาชุดสืบสวนขยายผลของแก๊งลักลอบขนแรงงานต่างด้าว ทราบว่าต้นทางรับแรงงานต่างด้าวมาจาก อ.แม่สาย จ.เชียงราย จะนำแรงงานต่างด้าวไปส่งที่ จ.สุพรรณบุรี และพบข้อมูลความเชื่อมโยงผู้เกี่ยวข้องอีก 7 คน เข้าข่ายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติและการฟอกเงิน
...
ต่อมาวันที่ 5 ก.พ. ที่ผ่านมาจับกุมนายทัศกร ปุริง สามี น.ส.ศณาภัทร ปุริง อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดชัยนาทที่ จ.24/68 ลงวันที่ 3 ก.พ.68 ข้อหา ซ่อนเร้น ช่วยเหลือหรือช่วยด้วยประการใดๆ แก่คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เพื่อให้พ้นจากการจับกุม ผู้ต้องหารับว่า ได้ทิ้งต่างด้าวหลบหนี
ชุดสืบสวนทราบว่าขบวนการนี้แบ่งหน้าที่กันทำในลักษณะเข้าข่ายองค์กรอาชญากรรม มีนายสุรัตน์ และนายสมคิด แก้วสด สองพี่น้อง รวมทีมคนขับรถขนส่งกระบะทั่วไป เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ และมีนายทุนควบคุมสั่งการ จะมีการแจ้งจำนวนรถที่ต้องออกจาก กทม.หรือปริมณฑล ขึ้นไปรับต่างด้าวตามจุดนัดพบแนวตะเข็บชายแดน จะติดตามขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.