รวบสาวเมียนมา วัย 20 ปี รับจ้างลูกนักการเมืองท้องถิ่นขายบุหรี่ไฟฟ้าหน้าโรงเรียนดัง ใน จ.ชุมพร สารภาพรับค่าจ้างเป็นรายวัน วันละ 600 บาท ทำมานาน 3-4 เดือน
วันที่ 14 ก.พ. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจไซเบอร์สอท.5 ร่วมกับสืบสวนภูธรจังหวัดชุมพร ตำรวจสืบสวน สภ.สวี เจ้าหน้าที่กอ.รมน.จังหวัดชุมพร ป้องกันจังหวัดชุมพร จัดหางานจังหวัดชุมพร ปกครองจังหวัดชุมพร และผู้ใหญ่บ้านร่วมกันนำหมายศาลตรวจค้นจับกุมลูกจ้างสาวชาวเมียนมาพร้อมของกลางบุหรี่ไฟฟ้าจำนวนมาก จากข้อมูลพบว่านายจ้างคือลูกชายนักการเมืองท้องถิ่นและแม่มีอาชีพรับราชการครู มีประวัติเคยถูกจับกุมมาแล้วเมื่อหลายเดือนก่อนขณะเปิดร้านขายบุหรี่ไฟฟ้าบริเวณหน้าโรงเรียนแห่งหนึ่งในตัวอำเภอสวี แต่ไม่เข็ดครั้งนี้ว่าจ้างแรงงานสาวชาวเมียนมาจนมาโดนจับกุมเป็นครั้งที่สอง
ทั้งนี้ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. สั่งการให้พ.ต.ท.กฤษณพร พืชผล สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.5 ร่วมกับ พ.ต.ท.วิวัฒน์ ฉิมมณี รอง สว.กก.สส.ภ.จว.ชพ ร.ต.อ.ธวัช ภู่พร หน.นปพ.กก.สส.ภ.จว.ชพ พ.ต.ท.ชัยณรงค์ ราชรักษ์ สว.สส.สภ.สวี ร.ต.อ.สมคิด จันนินวงศ์ รอง.สว.สส.สภ.สวี พ.ต.กอบศักดิ์ นาคหาญ จนท.ปฏิบัติการฝ่ายการข่าว กร.อมน.ชพ. น.ส.สุวรรณี เซี๊ยกสาด นักวิชาการแรงงานปฏิบัติการ สนง.จัดหางานจังหวัดชุมพร นายสุทธิภัทร วัฒนพงศ์ไพบูลย์ ป้องกันจ.ชพ. นายเกียรติภูมิ โภคผล จนท.ปกครองชำนาญงานที่ทำการปกครองจ.ชพ. และนายอมร สุขแก้ว ผญบ.ม.5 ต.นาโพธิ์
...
โดยเจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังร่วมกันจับกุมตัว น.ส.แตน สัญชาติเมียนมา อายุ 20 ปี อยู่ในพื้นที่หมู่ 3 ต.ท่าหิน อ.สวี จ.ชุมพร ผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด ขายหรือให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการ ที่ 24/2567 ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิด ทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิ์จะทำได้ ตาม พรก.การบริการจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560
เจ้าหน้าที่ตรวจยึดของกลาง 1.หัวพอร์ตบุหรี่ไฟฟ้ายี่ห้อต่างๆจำนวน 386 ชิ้น 2.หัวพอร์ตบุหรี่ไฟฟ้าชนิดใช้แล้วทิ้ง จำนวน 103 ชิ้น 3.น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้ายี่ห้อต่างๆจำนวน 58 ชิ้น 4.คอยล์ใช้สำหรับกรอง จำนวน 56 อัน 5.เครื่องดูด 1 อัน 6.โทรศัพท์ยี่ห้อไอโฟน 13 จำนวน 1 เครื่อง
สืบเนื่องจากตำรวจชุดจับกุมสืบทราบว่า ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “กุ๊กก่า โอยโอ้ย” ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าจึงได้สืบสวนหาพยานหลักฐาน เพื่อขออนุมัติหมายค้นจากศาลจังหวัดหลังสวน และได้สืบทราบว่า มีผู้หญิงสัญชาติเมียนมา รูปร่างอ้วนผิวดำแดง ขี่รถจักรยานยนต์เป็นผู้นำบุหรี่ไฟฟ้าไปส่งให้ลูกค้าตามสถานที่ต่างๆ
ต่อมาวันที่ 13 ก.พ. 68 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้นำหมายศาลจังหวัดหลังสวนที่ 5/2568 ลงวันที่ 13 ก.พ. 68 เพื่อตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งในหมู่ 5 ตำบลนาโพธิ์ อ.สวี จ.ชุมพร ขณะนั้นได้มี น.ส.แตน ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามายังบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งมีรูปพรรณสัณฐานตรงกับจากการสืบสวนมาจึงขอทำการตรวจค้น
โดย น.ส.แตน ยอมรับว่าเป็นผู้ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า และนำเจ้าหน้าที่ชี้จุดซุกซ่อนไปตามจุดต่างๆ เป็นจำนวนมากในบริเวณร้านขายน้ำข้างบ้าน ซึ่งอยู่ตรงข้ามคนละฝั่งถนนกับโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง
จากการสอบถามประวัติ น.ส.แตน ให้การว่า ตนเกิดในประเทศไทยและได้เรียนจบจากโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาใน อ.สวี ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามบ้าน และร้านขายบุหรี่ไฟฟ้า สามารถพูดเขียนอ่านฟังและเข้าใจภาษาไทยเป็นอย่างดี โดยไม่ต้องใช้ล่าม
น.ส.แตน ให้การอีกว่า นายภูริพัฒน์ หรือ พีม เป็นผู้ว่าจ้างให้ตนนำบุหรี่ไฟฟ้าไปจำหน่าย โดยได้รับค่าจ้างเป็นรายวัน วันละ 600 บาท ทำมานาน 3-4 เดือน โดยนายภูริพัฒน์ บอกตนว่าหากใครต้องการซื้อบุหรี่ไฟฟ้า ให้ตนเข้าไปเอาในบ้านได้เลย ซึ่งเป็นบ้านพักของญาติที่นายภูริพัฒน์หรือพีม พักอาศัยอยู่ด้วย ซึ่งช่องทางในการจำหน่ายมีทั้งขายหน้าร้าน สั่งซื้อทางแชทข้อความเฟซบุ๊กแล้วนัดวางสินค้าตามจุดต่างๆหรือขับจักรยานยนต์ไปส่งให้ถึงที่
...
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบประวัติ นายภูริพัฒน์ หรือพีม นายจ้าง น.ส.แตน มีพ่อเป็นนักการเมืองท้องถิ่นและแม่อาชีพรับข้าราชการครู อยู่ต่างอำเภอ พบว่าเคยถูกจับข้อหา ขายหรือให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า ที่ร้านบริเวณบ้านพักหลังดังกล่าว ซึ่งอยู่ตรงข้ามโรงเรียนมัธยม เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 67 หรือเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้ไม่พบตัว ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับนายภูริพัฒน์มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจฝากถึงเด็กและเยาวชนหรือประชาชนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งมีโทษทั้งทางร่างกายเสี่ยงต่อเกิดโรคต่างๆ แล้วยังผิดกฎหมายทั้งผู้เสพและผู้ครอบครองเพื่อจำหน่ายด้วย มีโทษจำคุก 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากผู้ใดพบเห็นการลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้าหรือน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือพนักงานฝ่ายปกครองในท้องที่นั้น ๆ เพื่อดำเนินคดีได้.