เปิดคำรับสารภาพ "เพลิน" มือปาน้ำมันจุดไฟเผาพ่อค้าแตงโม เผยปมแค้นถูกเพื่อนสนิทแย่งแฟน ตำรวจเตรียมนำตัวทำแผน คัดค้านประกันตัว
วันที่ 12 ก.พ. 68 มีรายงานว่า จากกรณี นายราเชน อายุ 53 ปี พ่อค้าขายแตงโม ถูกนายอรรคกร หรือเพลิน อายุ 46 ปี ปาถุงน้ำมันใส่ก่อนจุดไฟไปเสียชีวิตที่ รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ เหตุเกิดขณะผู้ตายเปิดท้ายรถกระบะขายของในตลาดนัดภายในวัดดอกไม้ ซอยสาธุประดิษฐ์ 58 แยก 8 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กทม. เมื่อช่วงค่ำวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา คาดสาเหตุหึงหวง โดยศพประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดดอกไม้ บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
ต่อมาวันที่ 11 ก.พ. เจ้าหน้าที่ กก.3 บก.สส.บช.น. พร้อมด้วยสน.บางโพงพาง และสืบจังหวัดมุกดาหาร ร่วมกันจับกุมนายอรรคกร ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 175/2568 ลงวันที่ 9 ก.พ. 68 ข้อหา วางเพลิงเผาทรัพย์ และพยายามฆ่า ได้ที่บริเวณปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต. คำอาฮวน อ.เมือง จ.มุกดาหาร ขณะติดต่อกับ “แก๊งขายหอมเถื่อน” จะให้ช่วยพาหลบหนีออกเส้นทางธรรมชาติไปยังชายแดนประเทศเพื่อน ก่อนนำตัวมาดำเนินคดีที่ สน.บางโพงพาง ทั้งนี้หมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ออกมาก่อนผู้บาดเจ็บจะเสียชีวิต (อ่านข่าว : หนีไปไม่รอด จับมือเผาพ่อค้าแตงโมเสียชีวิต เตรียมหลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้าน)
...
ล่าสุดที่ สน.บางโพงพาง เมื่อเวลา 10.40 น. วันที่ 12 ก.พ. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 และ พ.ต.อ.อนันต์ชัย กมลรัตน์ ผกก.สน.บางโพงพาง นำนายเพลิน หรือ นายอรรคกร มาสอบสวนเพิ่มเติม ใช้เวลากว่า 30 นาที
พล.ต.ต.นพศิลป์ เผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นช่วงค่ำของวันที่ 8 ก.พ. ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาก่อเหตุราดน้ำมันและจุดไฟเผาเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต และต่อมาฝ่ายสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและออกหมายจับ ผู้ต้องหาคือนายอรรคกร ในวันที่ 9 ก.พ.
ต่อมาชุดสืบสวน ทราบว่าผู้ต้องหาหลบหนีจ้างรถไปส่งที่ จ.มุกดาหาร ก่อนจะหลบซ่อนตัวอยู่ในป่า ช่วงวันที่ 10 ก.พ. ต่อเนื่อง วันที่ 11 ก.พ. และจับกุมได้เวลาต่อมา
พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวต่ออีกว่า ภายหลังสอบปากคำว่า นายเพลิน ผู้ต้องหา ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป รับสารภาพว่าก่อเหตุจริงเนื่องจากความแค้นปมชู้สาว อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบประวัติ พบว่าผู้ต้องหา เคยต้องโทษ “ร่วมกันฆ่าผู้อื่น ปล้นทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะ เมื่อปี 2556 ชนวนเหตุเกิดจากเรื่องชู้สาวเช่นกัน ผู้ต้องหาจำคุกอยู่ 9 ปี และพ้นโทษออกมาเมื่อปี 2564
ต่อมา ผู้ต้องหาคบกับแฟนคนปัจจุบัน และมักจะนำผลไม้ลงมาขายที่วัดดอกไม้ ทำให้ผู้ต้องหารวมถึงแฟนสาว รู้จักกับนายราเชน ผู้เสียชีวิต และคบหาเป็นเพื่อนสนิทมาตลอด กระทั่งช่วง ต.ค. 2567 ผู้ต้องหา เริ่มระแคะระคายว่าแฟนสาวกำลังนอกใจไปหานายราเชน เมื่อสอบถามได้รับคำปฏิเสธ แต่หลังจากนั้นทั้งคู่ระหองระแหงเรื่อยมา ก่อนที่ฝ่ายหญิงจะเริ่มตัดการติดต่อห่างกันไป
ทั้งนี้ผู้ต้องหาและแฟนสาวร่วมกันนำรถกระบะไปจำนำร่วมกัน ได้เงินมาประมาณ 5 หมื่นบาท รถยังนำมาใช้ร่วมกันอยู่ และต่อมาเดือนธ.ค. ฝ่ายหญิงนำรถไปใช้ และหายไป เมื่อถามแฟนสาวว่า รถหายไปไหน แฟนสาวบอกว่าขายไปแล้ว
ต่อมาช่วง เดือน ม.ค.ถึงต้นเดือนก.พ. ที่ผ่านมา ผู้ต้องหารู้ชัดเจนแล้วว่า แฟนสาวไปคบหาอยู่กินกันกับนายอรรคกร เก็บความแค้นสะสมอยู่ในใจ
ต่อมาวันที่ 8 ก.พ. ก่อนก่อเหตุ ผู้ต้องหาเดินทางจาก บ้านเช่าย่านพุทธมณฑล สาย 4 ไปรับจ้างตัดต้นไม้ที่ย่านสาธุประดิษฐ์ กับเพื่อนอีกคน ชื่อ "นายติ๊ก" ต่อมาเสร็จแล้วทั้งคู่ขับรถผ่านเข้าไปในวัดดอกไม้ ผู้ต้องหาเห็นว่ารถที่แฟนสาวอ้างว่านำรถไปขายแล้ว เป็นรถคนละคันกับรถกระบะบรรทุกแตงโมที่ถูกไฟเผา ยังจอดอยู่แต่ตอนนั้น ได้ขับรถเลยไปก่อน และขับรถกลับมาพร้อมนายติ๊ก เพื่อหวังจะเคลียร์ปัญหากับแฟนสาว คาดว่าอยู่ในวัด หากคุยเคลียร์ปัญหาเรื่องรถไม่ลงตัวจะเผารถทิ้ง โดยจะใช้น้ำมันเบนซินที่เคยซื้อมาเติมรถ แต่ยังเหลืออยู่ใช้จุดไฟทำลายรถกระบะคันดังกล่าว เมื่อเข้าไปในวัดไม่เจอแฟนสาว แต่เห็นนายราเชนนั่งอยู่ที่รถกระบะบรรทุกผลไม้แตงโม เกิดบันดาลโทสะเรื่องความหึงหวง ราดน้ำมันจุดไฟเผาทันที นายติ๊กไม่ได้มาร่วมก่อเหตุด้วย
รอง ผบช.น.กล่าวอีกว่า ส่วนกระแสข่าวว่า อดีตแฟนสาว มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ เบื้องต้นนายอรรคกรยังไม่กล่าวถึงบุคคลอื่น และจากภาพวงจรปิดยังไม่พบว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนมูลเหตุจูงใจอื่นๆ เช่น เรื่องความขัดแย้งในการเก็บค่าที่จอดรถภายในวัด ตำรวจจะขยายผลสอบสวนต่อไป เช่นเดียวกับตัวนายติ๊ก ที่ตอนนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการสอบปากคำ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุด้วยหรือไม่ เนื่องจากนายติ๊กอ้างว่าไม่รู้ว่านายอรรคกรจะก่อเหตุวางเพลิงจุดไฟเผานายราเชน ทราบเพียงว่าให้มาเป็นเพื่อน มาช่วยขับรถ และ นายอรรคกรได้บอกให้กลับไปก่อน หากพบว่าเข้าข่ายร่วมกระทำความผิด จะมีการแจ้งข้อหาต่อไป
...
ส่วนคนขับกระบะที่ไปส่งนายเพลินที่ จ.มุกดาหารนั้น ตำรวจเรียกมาสอบปากคำแล้ว เจ้าตัวอ้างว่า ได้รับการว่าจ้าง ให้ไปส่งผู้ต้องหาไปทำงานที่ จ.มุกดาหาร ไม่รู้ว่านายเพลินไปก่อเหตุอะไรมา แต่เมื่อทราบให้ความร่วมมือกับตำรวจเป็นอย่างดี และพาตำรวจไปชี้จุดที่ส่งนายอรรคกรลง เมื่อตำรวจติดตามไปถึง จ.มุกดาหาร พบว่านายเพลินหนีเข้าป่าหลังรีสอร์ตแห่งหนึ่งไปแล้ว ตำรวจต้องปิดล้อมป่า ใช้โดรนบิน ใช้สุนัขตำรวจติดตามดมกลิ่น มุดท่อ และพายเรือตามหาในแม่น้ำ กดดันนานกว่า 1 วัน นายอรรคกรหรือเพลินหมดหนทางหนี และหิวโซ ติดต่อเพื่อนให้นำอาหารมาให้ แต่เพื่อนก็ให้ความร่วมมือกับตำรวจเพื่อล่อนายเพลินออกมา แต่นายเพลินไหวตัวทัน สุดท้ายเพราะทนความหิวโหยไม่ไหว กำเงิน 1,000 บาทออกมาซื้ออาหารที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ตำรวจได้ดักรออยู่แล้ว และเข้าจับกุมตัวได้สำเร็จ
ทั้งนี้ระหว่างคุมตัวนายเพลินออกจากห้องสอบสวน มายังห้องขัง นายเพลินอ้างว่า ทำคนเดียว ไม่มีผู้ร่วมก่อเหตุ เพราะหนักใจที่ผู้ตาย เป็นเพื่อนสนิทตนเอง แต่กลับมาคบชู้กับภรรยา โดยไม่ได้มีการพูดคุยเคลียร์ใจกับผู้ก่อเหตุก่อนลงมือ และไม่ได้มีการวางแผนดูลาดเลาใดๆ เป็นการบันดาลโทสะ ทั้งนี้ขอโทษผู้ตายและครอบครัวผ่านสื่อมวลชนด้วย ส่วนหลังก่อเหตุไม่มีใครช่วยพาหลบหนี ขับรถเองหนีไปจ.มุกดาหาร เพราะตนทำงานอยู่ที่นั่น หลังเกิดเหตุเห็นข่าวแล้วตกใจอยู่ และคิดจะมอบตัวอยู่ และรู้สึกผิดอยู่
...
เบื้องต้นตำรวจเปลี่ยนข้อหาจากพยายามฆ่า เป็นข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยกระทำการทารุณกรรม และวางเพลิงเผาทรัพย์ เนื่องจากนายราเชนเสียชีวิตแล้ว โดยเย็นวันนี้หรือเช้าพรุ่งนี้จะนำผู้ต้องหาไปทำแผนฯ และนำตัวนายเพลินไปฝากขังศาลอาญากรุงเทพใต้ พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ อัตราโทษสูง เกรงว่าคนร้ายจะหลบหนี
ส่วนศพของนายราเชนผู้เสียชีวิตตั้งสวดอยู่ที่วัดดอกไม้มีกำหนดฌาปนกิจช่วงเย็นวันที่ 13 ก.พ. นี้