น.1 ยันเหตุวิสามัญคนร้าย "แก๊งลัก จยย." เป็นไปตามยุทธวิธีและขั้นตอนของกฎหมาย ตร.ป้องกันตัว หลังคนร้ายต่อสู้ขัดขวางการจับกุม สั่งการเร่งจับอีก 1 ราย ที่ยังหลบหนี

จากกรณี เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.คันนายาว วิสามัญฆาตกรรมคนร้าย 1 ในแก๊งลักรถ จยย. ขณะเข้าจับกุม ผู้ก่อเหตุบริเวณหน้าทางเข้าหมู่บ้านประยูรทอง 2 ซอยวัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต ถนนวัชรพล แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. โดยยังมีคนร้ายอีก 1 ราย หลบหนีอยู่ ดังที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น (สืบคันนายาว วิสามัญคนร้าย 1 ในแก๊งลักรถ จยย. หลังจ่อปืนจะยิงเปิดทางหนี)

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 68 เวลา 17.30 น. ที่ห้องประชุม สน.บางเขน พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รรท.ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ธิติพงศ์ ภิวัฒน์วุฒิกุล รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.นเรนทร์ เครื่องสนุก ผกก.สน.คันนายาว พ.ต.อ.อนันต์ วสาตร์ ผกก.สน.บางเขน และ พ.ต.อ.อัครพล โทยะ ผกก.สส.บก.น.2 พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น. และเจ้าหน้าที่สืบสวนนครบาล, ฝ่ายสืบสวน สน.คันนายาว-สน.บางเขน และคณะพนักงานสอบสวน สน.บางเขน ร่วมกันประชุมติดตามความคืบหน้าคดีดังกล่าว ที่ฝ่ายสืบสวน สน.คันนายาว วิสามัญ นายศุภัช (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี คนร้ายแก๊งลักรถ จยย. เสียชีวิต โดยคนร้ายยังหลบหนีอีก 1 ราย

โดย พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า คดีนี้เริ่มต้นมาจากมีการโจรกรรมรถจักรยานยนต์ ในพื้นที่ สน.คันนายาว 4-5 ครั้ง จึงได้สืบสวนสอบสวน จนพบว่าคนร้าย 2 คนแต่งกายด้วยชุดในวันก่อเหตุวันนี้ และเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ คนร้าย 2 คนนี้ได้ไปก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์ 1 คันที่ซอยคู้บอน 13 และเอามาจอดใต้ทางพิเศษฉลองรัช ในเวลา 06.00 น. และเอารถออกไปในเวลา 14.00 น. ของวันเดียวกัน จึงประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านช่วยแจ้งข่าวหากมีรถ จยย.ต้องสงสัยมาจอดทิ้งไว้

...

ต่อมาเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ คนร้ายทั้ง 2 ได้มาก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์ ในซอยนวลจันทร์ 52 ซึ่งเป็นพื้นที่ของ สน.โคกคราม ฝ่ายสืบสวน สน.คันนายาว ได้รับแจ้งจากประชาชนเช้าวันนี้ ว่ามีรถ จยย.ต้องสงสัย มาจอดทิ้งอยู่ จึงมาดักซุ่มรอในจุดเกิดเหตุ เพื่อเตรียมการจับกุม และตำรวจชุดจับกุมได้ให้การว่า เมื่อถึงเวลาเกิดเหตุ คนร้ายได้เข้ามาเอารถ ฝ่ายสืบสวนที่ซุ่มสังเกตการณ์อยู่ จึงแสดงตัวเข้าจับกุมล็อก นายศุภัช อายุ 27 ปี แต่คนร้ายอีกคนได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดหันมาทางตำรวจ บังคับให้ปล่อยตัวนายศุภัช ก่อนจะขึ้นรถจักรยานยนต์เพื่อจะขี่หลบหนี และใช้ปืนจี้ และยิงมายังตำรวจ 1 นัด

ตำรวจจึงได้มีการใช้อาวุธปืนยิงออกไป 2 นัดในห้วงเดียวกันเป็นการป้องกันตัว รวมเสียงปืนดังขึ้นทั้งหมด 3 นัด กระสุนปืนเข้าที่ต้นขาซ้ายของนายศุภัช 1 นัด เข้าที่หมวกกันน็อกทะลุศีรษะ 1 นัด ทำให้นายศุภัชเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนอีกคนขี่รถหลบหนีไป สวมกางเกงขายาว เสื้อแขนยาวสีดำ สวมหมวกกันน็อกเต็มใบสีดำ ใช้รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นเอ็กซ์แม็ก สีดำ ไม่ทราบป้ายทะเบียน ซึ่งจากแนวทางการสืบสวนขณะนี้พบว่ายังอยู่ในพื้นที่นครบาล

สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้นั้นเป็นไปตามยุทธวิธี และขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งมีหลักฐานเป็นภาพจากวงจรปิดปรากฏให้เห็นแล้วว่าคนร้ายได้ต่อสู้ขัดขวางการจับกุม และใช้อาวุธปืนยิงทำร้ายเจ้าหน้าที่ ตำรวจจึงต้องป้องกันตัว ซึ่งเรื่องนี้ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ไปชี้แจงกับญาติคนร้ายที่เสียชีวิตแล้ว

คดีนี้ต้องแยกสำนวนเป็น 4 คดี สำนวนที่ 1 คือเรื่องของการชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต, สำนวนที่ 2 คือเรื่องที่ตำรวจวิสามัญคนร้าย, สำนวนที่ 3 คือเรื่องการต่อสู้ขัดขวางและพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน, และสำนวนประกอบ คือเรื่องที่คนร้ายไปก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์ ท้องที่คันนายาวและโคกคราม

อย่างไรก็ตามหากพี่น้องประชาชนท่านใดพบเห็นรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยตามภาพวงจรปิดช่วยรีบแจ้งเบาะแสให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในทันที "รอง ผบช.น." กล่าว.