ผกก. เชียงใหม่ สั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง หลังคนสนิท สส.ปูอัด อ้าง ตร. เรียกรับเงิน 4 แสน ปิดคดี ชี้หากมีหลักฐานก็ขอให้มาแจ้งความเอาผิด
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 10 ก.พ. 68 พ.ต.อ.ปรัชญา ทิศลา ผกก. สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้กล่าวถึงกรณีที่คนสนิทของนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ หรือ สส.ปูอัด สังกัดพรรคไทยก้าวหน้า ได้ออกมาให้ข่าวว่า ได้มีตำรวจเรียกรับเงินจำนวน 4 แสนบาท เพื่อปิดคดี สส.ปูอัด ข่มขืนกระทำชำเรานักท่องเที่ยวสาวชาวไต้หวัน ว่า ขณะนี้ตนเองได้รับทราบแล้ว โดยคดีนี้มีความละเอียดอ่อนในเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และระบบการเมืองการปกครอง
ดังนั้นในการดำเนินคดีนี้ ก็จะต้องมีความรอบคอบในการปฏิบัติ กรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปเรียกรับเงินนั้น ถือว่าเป็นข่าวที่เสียหายมาก ดังนั้นถ้าหากผู้ให้ข่าวตำรวจไปเรียกรับเงินอย่างไร ถ้ามีหลักฐานก็ขอให้มาแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นได้
ขณะเดียวกัน ทางพลตำรวจตรียุทธนา แก่นจันทร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรเชียงใหม่ เผยว่า หลังจากทราบข่าวนี้ ก็ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้นมา เพื่อตรวจสอบข่าวนี้ว่ามีผู้ใดไปเรียกรับเงินจาก สส.ปูอัดหรือไม่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ หากหลังจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่าง ๆ พบว่า มีตำรวจท่านใดไปเรียกรับเงินทางเราก็ไม่เอาไว้ จะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด และถ้าหากมีการตรวจสอบและไม่พบว่ามีข้อเท็จจริงนี้อยู่ ต้องมีผู้รับผิดชอบที่ออกมาให้ข่าวดิสเครดิตตำรวจและคณะทำงาน ซึ่งถือว่าก่อให้เกิดความเสียหาย ทางตำรวจก็ยอมไม่ได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม คดีนี้หลักฐานพยานเรามีครบทุกอย่าง ตั้งแต่เกิดเหตุที่สาวไต้หวันมาแจ้งความ มีการรวบรวมพยานหลักฐานในการดำเนินการกับผู้ต้องหาไว้หมดแล้ว จนสามารถออกหมายจับได้ ซึ่งตำรวจก็รู้อยู่แล้วว่า ผู้ต้องหาจะต้องแก้คดีด้วยการอ้างว่าสมยอมทั้งสองฝ่าย หากสมยอมจริงผู้เสียหายจะแจ้งความทำไม ทุกอย่างที่ออกจากฝ่ายผู้ต้องหาเป็นคำกล่าวอ้างโต้ออกสื่อ โดยคดีนี้ผู้เสียหายให้การกับตำรวจแต่แรกว่า ไปเที่ยวสนุกสนาน แต่ไม่ได้ต้องการมีเพศสัมพันธ์อย่างอื่น เราให้ข้อมูลมากไม่ได้ จะกระทบสำนวนการสอบสวน ตอนนี้ทีมงาน สส. ประสานมามอบตัวแล้ว แต่ยังไม่ได้ระบุวันเวลา คาดว่าคงรอการประชุมโหวตที่สภาก่อนว่าผลจะออกมาอย่างไร
...
ซึ่งการทำงานตำรวจ เรามีการรวบรวมพยานหลักฐานทุกอย่างไว้หมดแล้ว ทั้งภาพวงจรปิด ผลตรวจทางการแพทย์ พยาน ซึ่งทุกอย่างเปิดเผยไม่ได้ เป็นเรื่องในสำนวนที่เสนอศาลออกหมายจับไปแล้ว แต่ผู้ต้องหาเป็น สส. เราก็ดำเนินการตามกฎหมายระบุไว้ ซึ่งอาจจะต้องรอการพิจารณาของประธานสภาในการดำเนินการเพราะอยู่ในสมัยประชุม แต่หาก สส.คนดังกล่าวมาพบพนักงานสอบสวนเราก็จะแจ้งข้อกล่าวหาสอบปากคำ แล้วปล่อยตัวไปทันที จากนั้นก็จะเป็นขั้นตอนสรุปสำนวนส่งอัยการดำเนินการในชั้นศาลต่อไป.