ตำรวจนครบาล รวบ 2 ชาวจีน ตัวการใหญ่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ระดับควบคุม-สั่งการ ในตึก 20 ชั้น เช่าบ้านหรูเป็นเซฟเฮ้าส์ อายัดทรัพย์ 15 ล้าน ขยายผลฟอกเงิน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 6 ก.พ. พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รรท.รอง ผบช.น. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง นำกำลังเจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. (PCT) และ บก.สส.บช.น. จับกุมตัว นายยี วานโยว อายุ 29 ปี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.784/2568 ลงวันที่ 5 ก.พ. 68 และนายลี่ เว่ยเจีย อายุ 30 ปี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.785/2568 ลงวันที่ 5 ก.พ. 68 ข้อหา “เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวใด ๆ เพื่อมีการซื้อขายให้เช่าหรือยืมบัญชีเงินฝากหรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์เพื่อในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด และเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวใด ๆ เพื่อมีการซื้อขายให้เช่าหรือให้ยืมหมายเลขโทรศัพท์มือถือที่ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้ในนามของบุคคลหนึ่งแต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้”

โดยจับกุมรายแรกได้ที่บริเวณหน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซ.พหลโยธิน 32 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ และต่อเนื่องไปจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ 2 ได้ที่บ้านหลังหนึ่งใน ซ.พหลโยธิน 32 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร จ.กรุงเทพฯ พร้อมของกลาง 4 รายการ เงินสด ไทยและต่างประเทศ รวมประมาณ 417,546.67 บาท ของแบรนด์เนมจำนวนมาก มูลค่ากว่า 4,305,846 บาท รถยนต์ Benz Maybach S580e ราคาประมาณ 11,000,000 บาท โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง มีข้อมูลเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นจำนวนมาก รวมทรัพย์สินที่ตรวจยึดมูลค่าประมาณ 15,305,846 บาท

พล.ต.ท.สยาม กล่าวว่า สืบเนื่องจากช่วงเดือน ก.ค. 67 มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ กับ พ.ต.ท.สมเจตน์ พลเหลา สว.(สอบสวน) สน.หัวหมาก ว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก ต่อมาฝ่ายสืบสวน สน.หัวหมากและสืบนครบาล ได้ทำการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม จนสามารถไปสอบปากคำพยานปากสำคัญที่บริเวณชายแดนได้หลายปาก ซึ่งพยานทั้งหมดได้ยืนยันตัวว่ามีตัวการใหญ่คือ 2 ผู้ต้องหาชาวจีนที่สามารถจับกุมได้ในวันนี้ ถือเป็นระดับหัวหน้าขบวนการที่คอยควบคุมและสั่งการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้านฝั่งตะวันออก เชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ที่อยู่ภายในตึก 20 ชั้น โดยจะให้ลูกน้องในเครือข่ายเปิดเพจ Facebook โดยแผนประทุษกรรมกลุ่มคนร้ายรายนี้ จะใช้วิธีหลอกเหยื่อที่ถูกหลอกและเข้าแจ้งความแล้ว จะเปิดเพจหน่วยงานตำรวจ และ ปปง. พร้อมคีย์เวิร์ด ว่า "ติดตามทรัพย์สินที่ถูกหลอกคืน" และศูนย์ช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมต่าง ๆ พร้อมทั้งยิงแอดโฆษณาปั่นยอดไลค์ รวมถึงนำรูปโปรไฟล์เป็นรูป ผบ.ตร. ไปใช้ให้มีความน่าเชื่อถือ เมื่อเหยื่อหลงเชื่อจึงกรอกข้อมูลเข้าไป ซึ่งเป็นการหลอกซ้ำ แต่เมื่อเหยื่อทำการติดต่อไป จะพาเข้ากลุ่มไลน์ที่จะมี ทนาย ผู้เชี่ยวชาญ หัวหน้าฝ่ายไอที ต่าง ๆ ทำทีสร้างชาร์จเส้นทางการเงินให้เหยื่อดู ก่อนอ้างว่าเงินที่ถูกหลอกไหลไปสู่เว็บพนันในต่างประเทศ จะต้องให้ฝ่ายไอทียิงระบบนำเงินคืนมา

...

พล.ต.ท.สยาม กล่าวอีกว่า ผู้ต้องหาทั้งสองได้ข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อไปสั่งการงานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แล้วจะข้ามกลับมาที่ประเทศไทย โดยจะมากบดานเช่าบ้านภายในซอยพหลโยธิน 32 ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นเซฟเฮ้าส์ ซึ่งจากข้อมูลพบว่า บ้านหลังดังกล่าวมีราคามูลค่ากว่า 15 ล้านบาท แต่ผู้ต้องหาทั้งสองเช่าอาศัยเดือนละ 100,000 กว่าบาท จนกระทั่งในวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สามารถเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 ได้พร้อมของกลาง นอกจากนี้ยังพบว่า ในโทรศัพท์มือถือนั้น มีข้อมูลเป็นรูปภาพ QR Code และรูปภาพเครื่อง SIM box และซิมโทรศัพท์มือถือที่ยังไม่เปิดใช้งานเป็นจำนวนมาก ซึ่งหลังจากนี้ทางตำรวจจะต้องนำข้อมูลดังกล่าวไปตรวจสอบขยายผลเพิ่มเติมว่า มีความเชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และผู้เสียหายอย่างไร

ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้งสองยังไม่ให้การใด ๆ กับตำรวจ ซึ่งหลังจากนี้ ทางตำรวจจะนำตัวผู้ต้องหาทั้งสองไปดำเนินคดีที่ สน.หัวหมาก ซึ่งเป็นท้องที่ที่มีการแจ้งความของผู้เสียหายต่อไป หลังจากนี้ ทางตำรวจจะขยายผลในเรื่องของการฟอกเงินและตัวการหรือลูกทีมในขบวนการอื่นเพิ่มเติม เพราะพบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 รายนี้เป็นส่วนหนึ่งของแก๊งขบวนการคอลเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ที่อยู่ภายในตึก 20 กว่าชั้นในประเทศเพื่อนบ้านฝั่งตะวันออก

พล.ต.ท.สยาม กล่าวเพิ่มเติมว่า ทรัพย์สินที่ทางตำรวจสามารถตรวจยึดอายัดได้หลังจากนี้ จะเข้าสู่กระบวนการเฉลี่ยทรัพย์สินเพื่อเยียวยาคืนแก่ผู้เสียหายตามขั้นตอนทางกฎหมาย และที่สำคัญทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งการมาแล้วว่า ให้ทุกสถานีตำรวจในท้องที่ไม่ว่าจะเป็นนครบาลหรือภูธร ตรวจสอบชาวต่างชาติที่มาประกอบธุรกิจในประเทศไทยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงกับการกระทำผิดกฎหมายหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนท้องที่นครบาลได้สั่งการให้ทุกสถานีตำรวจขยายผลทุกคดีที่มีการแจ้งความเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทั้งหมด

ฝากประชาสัมพันธ์ถึงพี่น้องประชาชนว่า หากพบพฤติการณ์ของชาวจีนหรือชาวต่างชาติรายใดที่ใช้ชีวิตหรูอยู่สบายหรือเข้าข่ายว่าจะประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย สามารถแจ้งเบาะแสให้กับทางตำรวจได้ทุกท้องที่และเน้นย้ำเตือนพี่น้องประชาชนว่า อย่าหลงเชื่อเพจแจ้งความออนไลน์ที่อ้างว่าจะสามารถช่วยเหลือและคืนเงินให้กับผู้เสียหายได้ โดยเฉพาะหลายเพจที่มักจะนำภาพของผู้บังคับบัญชาระดับสูงมาเพื่อชวนเชื่อ โปรดอย่าหลงเชื่อเด็ดขาด ให้แจ้งความกับทางตำรวจที่สถานีตำรวจหรือช่องทางของตำรวจโดยตรงเท่านั้น อีกทั้งบรรดาผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน สามารถเข้ามอบตัวและให้ข้อมูลกับทางตำรวจ เพื่อขยายผลกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้หมดไปจากประเทศไป

...