ตำรวจภูธรภาค 2 สั่งย้าย “ผกก.สภ.องครักษ์” ออกนอกพื้นที่ เซ่นบ่อนพนันที่ ปค.บุกจับ พร้อมพิจารณาสั่งย้ายนายตำรวจที่เกี่ยวข้อง หลังนโยบาย ผบ.ตร.กำชับต้องไม่มีบ่อน และมีผู้เล่นเกิน 150 คน “ผู้การฯ” ต้องรับผิดชอบ พร้อมเร่งตรวจเส้นทางการเงินเชื่อมโยงตำรวจหรือไม่ ด้าน รรท.ผบก.ภ.จว.นครนายก สั่งตั้ง คกก.สอบด่วน ปม ตร.บกพร่อง ละเลย-รู้เห็น หลังไร้เงาร่วมจับกุม
เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 พล.ต.ต.ไชยพจน์ สุวรรณรักษ์ รอง ผบช.ภ. 2 ในฐานะกำกับดูแลจเรตำรวจภาค 2 เปิดเผยผ่านทางโทรศัพท์กับผู้สื่อข่าว ถึงกรณีเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กรมการปกครอง เข้าจับนักพนันกว่า 200 คน ในบ่อนการพนันขนาดใหญ่ที่จังหวัดนครนายก พร้อมยึดเงินสด ชิปแลกเงินมูลค่ารวมกว่า 2 ล้านบาท เมื่อคืนที่ผ่านมา
โดยขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน รวมทั้งตรวจสอบว่ามีตำรวจนายใดเข้าไปเกี่ยวข้องเรียกรับผลประโยชน์ในบ่อนนี้หรือไม่ เนื่องจากบ่อนดังกล่าวมีขนาดใหญ่ โดยที่ผ่านมาผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับแล้วว่าต้องไม่มีบ่อนการพนันในพื้นที่

...
สำหรับบ่อนพนันที่ถูกจับกุม มีผู้เล่นพนันจำนวนกว่า 100 คนจึงถือว่าเป็นบ่อนขนาดใหญ่ และเปิดมาเป็นเวลานาน ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น หากการตรวจสอบพบก็จะดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญาอย่างไม่ละเว้นอย่างตรงไปตรงมา
เบื้องต้น ก็จะต้องมีคำสั่งย้ายผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร องครักษ์ ออกนอกพื้นที่ก่อน ส่วนจะมีการโยกย้ายตำรวจนายอื่นอีกหรือไม่ขอเวลาตรวจสอบ ก่อนที่จะสรุปอีกครั้ง
สำหรับจำนวนนักพนันที่เข้าเล่นในบ่อน ก่อนหน้านี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเคยให้นโยบายเอาไว้ว่า หากพบผู้เล่น 50 คน ผู้กำกับการในพื้นที่ก็จะต้องรับผิดชอบ แต่หากมีผู้เล่นถึง 150 คน ผู้บังคับการก็จะต้องรับผิดชอบ แต่ขณะนี้มากกว่า 200 คน ก็จะต้องขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชา ว่าจะดำเนินการอย่างไร
ส่วนหลายฝ่ายมองว่ากรมการปกครอง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะมีความขัดแย้งกันหรือไม่ ก็ยืนยันว่าไม่มีอย่างแน่นอน เพราะในอดีตทั้งสองหน่วยงานก็ได้ร่วมกันจับกุมบ่อนการพนันในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบ่อนการพนันที่มีการลักลอบเล่น ตำรวจจะปฏิเสธว่าไม่รู้ก็คงจะเป็นไปไม่ได้ แต่จะรู้เห็นมากน้อยเพียงใดนั้นขอตรวจสอบก่อน
อย่างไรก็ตาม ทางกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ได้สั่งการให้ขยายผลในเรื่องเส้นทางการเงินของเจ้าของบ่อนการพนัน ว่ามีเชื่อมโยงไปถึงตำรวจนายใดหรือไม่ ซึ่งความผิดดังกล่าวก็จะเข้ามูลฐานฟอกเงิน ก็จะสามารถดำเนินการยึด อายัดทรัพย์สินของผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดได้

วันเดียวกัน พ.ต.อ.ปราโมทย์ งามประดิษฐ์ รรท.ผบก.ภ.จว.นครนายก ลงนามคำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดนครนายกที่ 20/2568 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามที่ปรากฏข่าวในสื่อโซเชียลมีเดีย เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เวลาประมาณ 23.00 น. กรณีเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้ร่วมกันจับกุมผู้ลักลอบเล่นอุปกรณ์เล่นการพนันจำนวนหลายรายการ บริเวณทุ่งนา หมู่ 4 ต.บางปลากด อ.องครักษ์ จ.นครนายก อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.องครักษ์
ตามที่ปรากฏว่ากรณีดังกล่าวมีข้าราชการตำรวจบกพร่องในการป้องกันและปราบปราม หรือปล่อยปละละเลย หรือไม่สนใจในการสืบสวนสวนปราบปรามจับกุม หรือรู้เห็นหรือมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องหรือไม่ อย่างไร
ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความใน ม.117 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 จึงแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว ประกอบตัวบุคคลดังต่อไปนี้
1.พ.ต.อ.ยงยุทธ มาศิริ รอง ผบก.ภ.จว.นครนายก 2.พ.ต.อ.สวัสดิ์ ดวงแป้น ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานตรวจสำนวนและคดี กองบังคับการกฎหมายและคดี ตำรวจภูธรภาค 2 ช่วยราชการ กลุ่มงานสอบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดนครนายก 3.พ.ต.ท.ปรีชา ปรึกษา รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.บ้านนา 4.พ.ต.ต.หญิง กิ่งมณี จอมวิเชียร สว.(สอบสวน) สภ.ดงละคร 5.ร.ต.อ.วิเดช หงษ์ทัพ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองนครนายก
ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 วัน นับแต่วันรับทราบคำสั่ง โดยยึดระเบียบคำสั่ง และกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด แล้วเสนอรายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริงมาเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
ล่าสุด พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบช.ภ.2 ลงนามคำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดนครนายกที่ 26/2568 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจช่วยราชการและรักษาราชการแทน
...
โดยใจความระบุว่า ให้ พ.ต.อ.โชติ ละม่อม ผกก.สภ.องครักษ์ จ.นครนายก ช่วยราชการที่ ศปก.ภ.2 โดยขาดจากต้นสังกัด เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ ผู้บังคับการอำนวยการ ตำรวจภูธรภาค 2 มอบหมาย

รายงานข่าวแจ้งว่า สมัย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ปฏิบัติหน้าที่รักษาราชการแทน ผบ.ตร. เมื่อช่วงเดือนมีนาคม 2567 ได้เน้นย้ำในการมอบนโยบายกับผู้บังคับบัญชาระดับสูงในที่ประชุมว่า หากพบพื้นที่ใดมีการจับบ่อนการพนันตั้งแต่ 20 คนขึ้นไปหัวหน้าสถานีต้องรับผิดชอบ ตั้งแต่ 50 คนขึ้นไปทาง ผบก.ต้องรับผิดชอบ และถ้า 100 คนขึ้นไปทาง ผบช.จะต้องรับผิดชอบ ในคำสั่งนี้ถือปฏิบัติทั้งในส่วนของ บช.ภ.1-9 และ บช.น.