บิ๊กอ้อ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ประชุมไล่ล่าโจรบุกเดี่ยวชิงทองรูปพรรณ น้ำหนักกว่า 113 บาท กลางห้างดังย่านลำลูกกาหลบหนีลอยนวล อยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบตัวบุคคลขอหมายจับ ยังไม่สามารถระบุได้ว่ามีใครมีส่วนรู้เห็นหรือไม่ เตรียมเรียกผู้ประกอบการร้านทองพูดคุยหารือวางแผนป้องกัน หลังพบในรอบ 10 ปี เกิดเหตุ 6 ครั้ง

จากกรณีมีคนร้ายเป็นชายรูปร่างสันทัด สวมแมสก์ใส่หมวกปักอักษร “Supreme” อำพรางใบหน้าบุกเดี่ยวเข้าไปในห้างทองออโรร่า ตั้งอยู่บนชั้นสองของห้างบิ๊กซี สาขาคลอง 5 ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ก่อเหตุชิงสร้อยคอทองคำ 90 เส้น และสร้อยข้อมือทองคำอีก 4 เส้น รวม 94 เส้น น้ำหนักรวมกว่า 113 บาท รวมมูลค่ากว่า 5.4 ล้านบาท ก่อนหลบหนีไปเมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1 พล.ต.ต.ยุทธนา จอนขุน ผบก.จ.ปทุมธานี พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป. พล.ต.ต.หญิงสุเจตนา โสตถิพันธุ์ ผบก.ศพฐ.1 พ.ต.อ.ถิรเดช จันทร์ลาด ผกก.สภ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พร้อมทีมสืบสวน บก.สส.ภ.1 ทีมสืบสวน บก.ภ.จ.ปทุมธานี ทีมสืบสวน สภ.ลำลูกกาและทีมสืบสวน บก.ป. ร่วมประชุมและติดตามความคืบหน้าในคดีนี้ โดยใช้เวลาในการประชุมนานเกือบ 2 ชั่วโมง

...

ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี เปิดเผยว่า วันนี้ตนเองมาประชุมฟังความคืบหน้าการสืบสวนคดีคนร้ายเข้าไปชิงทรัพย์ร้านทอง ซึ่งมีทั้งตำรวจภูธรภาค 1 ฝ่ายสืบสวนที่เกี่ยวข้อง ตำรวจสอบสวนกลาง และพิสูจน์หลักฐาน เข้าร่วมประชุมหารือและกำหนดทิศทางในการสืบสวนติดตามตัวผู้ก่อเหตุ ซึ่งวันนี้ถือว่ามีความคืบหน้าไปมาก มีพยานหลักฐานที่พบเห็นมีสิ่งที่เราได้เก็บข้อมูลมามากพอสมควรที่จะสามารถสืบสวนติดตามคดีได้ ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิสูจน์ทราบตัวคนร้าย แต่ยังไม่ถึงขั้นที่สามารถออกหมายจับได้ เพราะอยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบยืนยันตัวบุคคล ส่วนการสอบสวนพนักงานร้านระบุว่าที่ต้องให้คนร้ายเอาทรัพย์สินไปได้นั้น เนื่องจากกลัวคนร้าย ซึ่งในส่วนนี้ก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่ามีผู้ใดไปมีส่วนรู้เห็นกับการก่อเหตุครั้งนี้หรือไม่

สำหรับมาตรการในการรักษาความปลอดภัยเป็นนโยบายหลักของท่าน ผบ.ตร. ที่จะดูแลป้องกันทรัพย์สินโดยเฉพาะร้านค้า ร้านทอง ที่มีการวางมาตรการตรวจเป็นวงรอบ ความถี่แค่ไหน ซึ่งในครั้งนี้เมื่อเกิดเหตุไปแล้วเจ้าหน้าที่ก็จะต้องมีการสืบสวนจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว

ซึ่งจากข้อมูลตอนนี้ทราบว่าคนร้ายลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียว ส่วนจะหนีออกนอกพื้นที่ไปแล้วหรือไม่นั้น ตอนนี้อยู่ระหว่างการสืบสวน จากสถิติเฉพาะตำรวจภูธรภาค 1 ห้างทองชื่อนี้มีการถูกก่อเหตุมาแล้ว 6 ครั้ง ในรอบ 10 ปี ซึ่งหลังจากนี้จะมีการเชิญผู้ประกอบการมาพูดคุยหารือเพื่อปรับและหาแนวทางในการขอความร่วมมือเพื่อการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีกต่อไป

วันเดียวกันที่ห้างทองดังกล่าว พบพนักงานขาย 2 คนที่อยู่ในเหตุการณ์วานนี้ กำลังช่วยกันทำความสะอาดตู้กระจกใส่ทอง ที่เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมีการตรวจสอบที่เกิดเหตุเรียบร้อยแล้ว เพื่อเตรียมเปิดให้บริการตามปกติ โดยจากการตรวจสอบพบว่าในห้างสรรพสินค้ามีร้านจำหน่ายทองจำนวน 2 ร้าน ซึ่งทั้งสองร้านไม่มีอุปกรณ์ป้องกันเหล็กดัด โดยร้านที่เกิดเหตุอยู่ติดกับบันไดขึ้นลงข้างห้างสรรพสินค้า โดยปกติแล้วจะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.00 น.-20.00 น.ทุกวัน

ขณะที่กล้องวงจรปิดของห้างสรรพสินค้าบันทึกภาพชาย 1 คนที่เป็นผู้ก่อเหตุ เดินเข้ามาจากทางด้านหลังห้างสรรพสินค้า ซึ่งเป็นลานจอดรถในเวลา 11.13 น.วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ก่อนจะเดินขึ้นมาทางชั้น 2 ซึ่งตอนที่เดินผ่านกล้องวงจรปิดเข้ามาไม่มีการสวมใส่หมวกแบบเต็มใบสีดำ คาดว่าคนร้ายน่าจะมาเดินดูลาดเลาแล้วเข้าไปซื้อหมวกที่ร้านจำหน่ายภายในห้างสรรพสินค้า

ขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนยังระดมทีมสืบสวนเร่งล่าตัวคนร้ายแล้ว โดยช่วงเช้าที่ผ่านมามีการประชุมเพื่อเร่งคลี่คลายคดีที่ ภ.1 ทั้งนี้ได้มีการกำชับร้านค้าท้องที่รับซื้อให้ตรวจสอบว่าเป็นทองรูปพรรณที่มาจากร้านออโรร่าหรือไม่

...