"เจ๊หนิง" โผล่ให้ปากคำเพิ่มเติมหลังโดนข้อหา "แจ้งความเท็จ" ยันไม่ได้กุเรื่องเพื่อเรียกเงิน พร้อมท้า "เมียบิ๊กโจ๊ก" เปิดหน้าสู้-โชว์หลักฐานเช่าคอนโด
วันที่ 3 ก.พ. 68 ผู้สื่อข่าวได้ติดตามกรณีที่มีกระแสข่าวระบุว่า ดร.ศิรินัดดา หักพาล ภรรยาของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ บิ๊กโจ๊ก อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะเดินทางมายัง สน.พระโขนง ในช่วงบ่าย เพื่อมาติดตามความคืบหน้าคดีที่แจ้งความร้องทุกข์เอาผิด น.ส.ธณัฏฐา ยอดเยี่ยม หรือ เจ๊หนิง คู่กรณีในข้อหาแจ้งความเท็จ
โดยในเวลา 13:25 น. น.ส.ธณัฏฐา หรือ เจ๊หนิง ได้เดินทางมาที่ สน.พระโขนง ท่ามกลางความไม่คาดคิดของสื่อมวลชน พร้อมเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ในวันนี้ที่ตนเดินทางมาเป็นเพราะความบังเอิญ เนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมา ได้นัดหมายกับพนักงานสอบสวนร้อยเวรเจ้าของคดีที่ตนถูกแจ้งความ เรื่องแจ้งความเท็จว่าให้มาสอบปากคำและส่งพยานหลักฐานเพิ่มเติม
ซึ่งตนทราบว่า ภรรยาของบิ๊กโจ๊กได้เดินทางมาในวันเดียวกันพอดี จึงต้องการอยากจะพบเจอกับภรรยาของบิ๊กโจ๊ก เพราะอยากจะพูดคุยและทวงคืนคีย์การ์ด รวมทั้งทรัพย์สินของตนเองคืน เช่น ทองคำ 120 บาท และเงินสด 600,000 บาท อีกทั้งตนอยากจะถามภรรยาของบิ๊กโจ๊กต่อหน้าสื่อมวลชนว่า การที่พนักงานสอบสวนสั่งไม่ฟ้อง เป็นเรื่องที่ภรรยาบิ๊กโจ๊กต้องภูมิใจขนาดนั้นหรือ โดยยืนยันว่า ไม่ได้เดินทางมาเพราะจงใจจะสร้างความวุ่นวายหรือตั้งใจจะมาพบภรรยาของบิ๊กโจ๊กโดยตรงแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ในส่วนคดีที่ตนแจ้งข้อหาลักทรัพย์กับภรรยาบิ๊กโจ๊กนั้น สาเหตุที่พนักงานสอบสวนสั่งไม่ฟ้องต่อพนักงานอัยการ เนื่องจากอ้างว่าพยานหลักฐานไม่เพียงพอ โดยเฉพาะ GPS ที่ตัวภรรยาบิ๊กโจ๊ก ที่ไม่ปรากฏ ณ ที่เกิดเหตุ ตนจึงสงสัยการทำงานของพนักงานสอบสวนว่า ภรรยาของบิ๊กโจ๊กติด GPS ที่ตัวหรือถึงทราบได้ว่าไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ อีกทั้งฝั่งตนเองมีพยานบุคคลจำนวน 3 ปาก เพียงแต่ว่ามีการสอบปากคำไปเพียงแค่พยานปากเดียว คือหลานชายของตนเอง แล้วสรุปสำนวนคดีทันที ซึ่งเรื่องดังกล่าวนั้น ตนได้แจ้งความตามมาตรา 157 เพื่อเอาผิดกับพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ไปแล้ว
...
เจ๊หนิง เปิดเผยเพิ่มอีกว่า ยังมีกรณีที่หลานชายของตนถูกคุกคามหลังจากเปิดหน้ากับสื่อ โดยถูกแจ้งความข้อหาประมาทด้วยการโฆษณาที่ สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งตอนแรกได้แจ้งกับพนักงานสอบสวนไว้แล้วว่าจะเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหา แต่ขอเลื่อนวันเวลา เนื่องจากหลานชายป่วย ปรากฏว่าหลานชายของตนถูกออกหมายจับ และถูกตำรวจส่วนกลางมาจับกุมไปดำเนินคดี ซึ่งหลังจากนี้ ตนก็เตรียมที่จะดำเนินคดีกลับไปยังพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ เช่นเดียวกัน โดยยืนยันว่าหลานชายของตนไม่เคยให้สัมภาษณ์พูดชื่อของนายตำรวจที่เป็นสามีของคู่กรณีแม้แต่น้อย
นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่ตนเองถูกโทรศัพท์มาข่มขู่คุกคาม วันละ 2-3 สาย โดยมีการคุกคามตั้งแต่ขู่ฆ่า รับรองความไม่ปลอดภัย และใช้คำพูดอนาจาร ขอมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งเบอร์ที่โทรมานั้นล้วนแต่ไม่ซ้ำเบอร์กันและปลายสายเป็นเสียงผู้ชายที่ไม่ซ้ำคนด้วย รวมทั้งตนยังโดนร้องเรียนเรื่องรถยนต์ส่วนตัวที่ไม่ให้เข้าพื้นที่โรงเรียนต้นสังกัดของสามี แต่ตนเลือกที่จะยังไม่แจ้งความร้องทุกข์ในเรื่องการคุกคาม เพราะตนมีสามีเป็นตำรวจ จึงเข้าใจว่าตำรวจทำงานหนักและงานเยอะอยู่แล้ว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำไปว่า เป็นเพราะความกังวลว่าจะไม่รับความเป็นธรรม จึงไม่เข้าแจ้งความหรือไม่ เจ๊หนิง บอกว่าไม่เกี่ยวข้องกัน อีกทั้งสามีของตนยังถูกนายตำรวจมางัดแงะห้องพักในที่ทำงาน ซึ่งตนได้ฝากบอกไปยังนายตำรวจที่งัดแงะห้องตนว่า คุณจะกลัวนายหรือไม่กลัวนาย แต่พอมาวันหนึ่งเรื่องถึงตัวคุณ นายก็จะช่วยคุณไม่ได้ ก็จะตัวใครตัวมัน ซึ่งตอนนี้สามีของตนคนยังให้โอกาสนายตำรวจนี้มารับสารภาพและยังไม่แจ้งความ แต่ถ้ายังไม่ยอมมารับสารภาพ ก็จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดอย่างแน่นอน
เจ๊หนิง ยังเผยอีกว่า ตอนนี้สังคมตั้งข้อสังเกตว่า ตนเองกุเรื่องขึ้นมาเพื่ออยากได้เงิน ตนยืนยันว่าตนไม่ได้อยากได้เงิน แม้ว่าตนไม่ได้มีฐานะร่ำรวย แต่ตนก็มีเงินของตนเอง และไม่ได้มีนิสัยขี้โกง เชื่อได้ว่าคนทั้งประเทศจะพิสูจน์ได้ว่าอันไหนจริงอันไหนเท็จ
สำหรับกรณีที่สังคมยังตั้งข้อสงสัย เรื่องการซื้อทองนั้น มีใบรับรองหรือใบเซอร์จริงหรือไม่ เจ๊หนิงปฏิเสธที่จะแสดงใบรับรองเพื่อยืนยัน โดยย้ำว่าตนเองได้ซื้อทองจริง แต่ไม่สามารถนำใบรับรองมาแสดงได้ เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตราย ขนาดยังไม่ได้นำใบมาแสดงยืนยัน ตนเองก็ยังถูกข่มขู่ ดังนั้น จึงจะเก็บพยานหลักฐานชิ้นนี้เอาไว้แสดงในชั้นศาล แต่อย่างไรก็ตาม ตนขอให้ภรรยาของบิ๊กโจ๊กแสดงหลักฐานว่าได้เช่าคอนโดจริงตามที่มีการกล่าวอ้างเอาไว้ต่อหน้าสื่อมวลชน อยากให้ภรรยาของบิ๊กโจ๊กเปิดหน้าสู้กับตน
สำหรับคดีความที่ตนแจ้งความเอาผิดกับภรรยาของบิ๊กโจ๊ก มีจำนวนทั้งสิ้น 7 คดี ซึ่งเป็นข้อหาหมิ่นประมาท 6 คดี และคดีลักทรัพย์ 1 คดี ส่วนฝั่งภรรยาบิ๊กโจ๊กได้แจ้งความตนในข้อหาแจ้งความเท็จ และฟ้องตรงต่อศาลอาญาในข้อหาหมิ่นประมาท ซึ่งจะมีการนัดพิจารณาคดีครั้งแรกในวันที่ 17 กุมภาพันธ์นี้
ทั้งนี้ หลังจากที่เจ๊หนิงได้ขึ้นไปพบพนักงานสอบสวน ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อไปยังภรรยาของบิ๊กโจ๊ก แต่ไม่สามารถติดต่อได้ และเมื่อสอบถามตำรวจ สน.พระโขนง ระบุว่ายังไม่รับรายงานว่าภรรยาของบิ๊กโจ๊กจะเดินทางเข้ามาเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีแต่อย่างใด ซึ่งในส่วนคดีที่มีการแจ้งความเจ๊หนิง เรื่องแจ้งความเท็จนั้น อยู่ในระหว่างการรวบรวมเอกสาร ก่อนสรุปสำนวนส่งอัยการต่อไป
...
ต่อมาเวลา 14:30 น. เจ๊หนิงได้เดินทางออกมาจาก สน.พระโขนง หลังจากให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้วเสร็จ โดยให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนเพียงแค่ว่า จากการพูดคุยกับทางตำรวจ ไม่พบว่ามีการนัดหมายให้ภรรยาของบิ๊กโจ๊กมาพบตำรวจแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า ทางทนายของมาดามกุ๊บกิ๊บ ได้เดินทางมายื่นถอดถอนการประกันตัวในคดีที่ถูกเจ๊หนิงแจ้งข้อกล่าวหา และได้เดินทางกลับไปก่อนที่ผู้สื่อข่าวจะมา