ผกก.สน.หัวหมาก เผยเบื้องต้นแจ้ง 3 ข้อหา นักธุรกิจดัง ทำร้ายร่างกายหนุ่มไรเดอร์ อยู่ระหว่างตรวจสอบปืน 5 กระบอกถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ขณะที่แม่เตรียมหลักทรัพย์ 150,000 บาท มาประกันตัวอีกรอบ ยันลูกชายไม่ใช่คนอารมณ์ร้อน หรือก้าวร้าว
กรณีนายอุทิตย์ หนูแดง อายุ 46 ปี อาชีพไรเดอร์ และขี่วิน จยย.ชุมชนหัวหมาก เขตสวนหลวง ถูกนายเอก (นามสมมติ) อายุ 46 ปี มีตำแหน่งเป็นประธานกรรมการบริหารบริษัทประกอบกิจการอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง ข่มขู่ด้วยอาวุธปืน และทำร้ายร่างกาย เหตุเกิดบริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่งในซอยพระราม 9 ซอย 35 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม.ช่วงเย็นวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา ตามที่นำเสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 มกราคม 2568 ที่ สน.หัวหมาก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังตำรวจ สน.หัวหมากควบคุมตัวผู้ก่อเหตุ มาสอบปากคำตั้งแต่หลังเกิดเหตุ โดยผู้ก่อเหตุได้ยื่นขอประกันตัวตั้งแต่ช่วงดึกที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้รับการประกันตัวจึงยังถูกควบคุมตัวไว้ในห้องขัง
ช่วงเช้าที่ผ่านมา แม่ของผู้ก่อเหตุ ได้เดินทางมาที่ สน.หัวหมาก พร้อมเตรียมหลักทรัพย์มาประกันตัว 150,000 บาท
แม่ของผู้ก่อเหตุเผยว่า ยอมรับว่าลูกชายดื่มเป็นประจำ แต่ไม่ใช่คนอารมณ์ร้อน หรือก้าวร้าว อย่างไรก็ตาม ลูกชายของตนเล่าว่า เมื่อ 5 วันก่อน มีไรเดอร์มาวนเวียนที่หน้าบ้าน อ้างว่ามารับของหลายครั้ง ทำให้ตนและลูกชายนั้น ระแวงมาตลอด 5 วัน บางครั้งแม่บ้านก็บอกว่า ไรเดอร์ที่มาที่บ้านนั้น มีการแอบถ่ายรูปของตน และลูกชายเป็นประจำ
วันเกิดเหตุลูกชายกำลังจะออกไปข้างนอกแล้วเจอกับไรเดอร์ผู้บาดเจ็บพอดี ทำให้ลูกชายโมโหก่อนจะลากไรเดอร์ผู้บาดเจ็บเข้าไปในบ้านตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยืนยันว่าลูกไม่ได้จะยิงปืนใส่ไรเดอร์ ตั้งใจจะยิงออกไปที่หน้าบ้าน ส่วนเรื่องอาวุธปืนนั้น รู้เพียงว่ามีแค่ 5 กระบอก ส่วนจะมีเยอะกว่านั้นหรือไม่ ตนไม่ทราบ โดยก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นลูกชายนำอาวุธปืนออกมาให้เห็น และไม่เคยเห็นลูกชายไปซ้อมยิงปืนที่ไหนมาก่อน โดยลูกชายได้หย่าร้างกับภรรยาเก่าไปหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันลูกชายคบหาอยู่กับใครหรือไม่ และไม่รู้ว่าสาเหตุที่มีไรเดอร์มาวนเวียนอยู่หน้าบ้านของตนตลอด 5 วันที่ผ่านมานั้น มาเพราะอะไร
...
ด้าน พ.ต.อ.พรทวี สมวงค์ ผกก.สน.หัวหมาก เปิดเผยว่า เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ก่อเหตุ ทั้งหมด 3 ข้อหา ทำร้ายร่างกาย กักขังหน่วงเหนี่ยว และยิงปืนโดยใช้เหตุ ส่วนอาวุธปืนที่พบทั้ง 5 กระบอกช่วงเช้าวันนี้จะตรวจสอบไปยังกรมการปกครองว่า ปืนดังกล่าวนั้นถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ชื่อผู้ครอบครองอาวุธปืนทั้ง 5 กระบอกนั้นเป็นใคร
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าในบ้านหลังดังกล่าวมีอาวุธปืนอยู่จำนวนมากนั้น จากการตรวจสอบยืนยันว่าพบเพียงแค่ 5 กระบอกตามที่ปรากฏ