ตำรวจชลบุรี ระดมทีมสืบเร่งแกะรอยไล่ล่าแก๊งตุรกี บุกห้องคอนโด ปล้นคริปโต บังคับเพื่อนร่วมชาติโอนเงินสกุลบิทคอยน์เกือบ 10 ล้านบาท เชื่อคนร้ายรู้จักกับผู้เสียหายเป็นอย่างดี ถึงขั้นไขกุญแจสำรองไปนั่งรอ แล้วลงมือก่อเหตุ

ความคืบหน้ากรณี นายมาซิส เออร์โคล (MR.MASIS ERKOL) อายุ 36 ปี สัญชาติตุรกี ถูกคนร้าย 3 คน จับใส่กุญแจมือไพล่หลังแล้วรัดซ้ำด้วยสายเคเบิลไทร์ (สายรัดสายไฟแบบหัวล็อค) อีกจำนวน 2 เส้น และที่ข้อเท้ายังถูกมัดด้วยสายไฟ แล้วบังคับเอาทรัพย์สินไปเป็นโน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง รวมถึงเงินคริปโตอีกจำนวนมาก หลังเกิดเหตุคนร้ายได้หลบหนีไป เหตุเกิดที่ห้องพักชั้น 5 คอนโดแห่งหนึ่งภายในซอยวัดบุณย์กัญจนาราม (วัดหนองพังแค) หมู่ 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณตี 1 ที่ผ่านมา ตามที่มีข่าวเสนอแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อ 11.00 น. วันที่ 14 มกราคม 2568 พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พร้อม รอง.ผบก.ภ.จว.ชลบุรี, ผกก.สภ.เมืองพัทยา, และชุดสืบสวน มีการประชุมความคืบหน้าในคดีนี้นานกว่า 1 ชั่วโมง เพื่อวางแผนและแกะรอยติดตามกลุ่มคนร้ายรายนี้

พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ออกมาเปิดเผยว่า ในเบื้องต้นคดีนี้ คนร้ายมีทั้งหมด 3 คน เป็นชาวตุรกีทั้งหมด มีการวางแผนมาเป็นอย่างดี และคาดว่าน่าจะมีความสนิทสนมกับตัวผู้เสียหาย โดยกลุ่มคนร้ายได้นำกุญแจสำรองไขห้องพักของผู้เสียหาย แล้วเข้าไปนั่งรออยู่ภายในห้องที่เกิดเหตุ พอผู้เสียหายกลับมาห้อง ก็ก่อเหตุจะใส่กุญแจมือไพล่หลัง ผ้าปิดตา มัดเท้า ก่อนจะบังคับให้โอนเงินคริปโต หรือสกุลเงินดิจิตอล โดยมีการโอนเงินสกุลดิจิตอล (BTC USD) สำเร็จเป็นที่เรียบร้อย รวมมูลค่าแล้วเกือบ 10 ล้านบาท ก่อนที่กลุ่มคนร้ายจะปล่อยผู้เสียหายทิ้งภายในห้องแล้วหลบหนีไป

...

สำหรับกลุ่มผู้ก่อเหตุเชื่อว่าน่าจะรู้จักกับผู้เสียหายเป็นอย่างดี และมีการวางแผนอย่างแยบยล โดยนายมาซิส เออร์โคล ผู้เสียหาย เบื้องต้นทราบว่าเป็นนักธุรกิจเกี่ยวกับการเทรดหุ้นคริปโตโดยตรง และยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสกุลเงินดิจิตอล และเดินทางเข้าออกประเทศไทยบ่อยครั้ง นานกว่า 6 ปี

ส่วนด้านแนวทางการสืบสวนสอบสวนและติดตามจับกุมกลุ่มคนร้าย ในเบื้องต้นมีการระดมนักสืบ ทั้งสืบสวน สภ.เมืองพัทยา และสืบสวนจังหวัดชลบุรี ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด รวมถึงเส้นทางที่คนร้ายใช้ในการหลบหนี พร้อมทั้งมีการประสานไปยังตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ให้ร่วมแกะรอยกลุ่มคนร้าย พร้อมทั้งจะมีการตรวจสอบประวัติผู้เสียหาย ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทา ทำไมถึงมีการก่อเหตุปล้นเงินจำนวนมากขนาดนี้ โดยตำรวจขอเวลาทำงานและมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป

ต่อมาช่วงเวลา 12:00 น. ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองพัทยา, สืบสวน ภ.จว.ชลบุรี กว่า 20 นาย และตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณจุดเกิดเหตุอีกครั้ง เพื่อเก็บลายนิ้วมือแฝง และตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อหาเบาะแสของคนร้าย.