บรรยากาศโศกเศร้าพิธีรดน้ำศพ ร.ต.ท.บรรรัง เกษาพร เหยื่อช่างสันต์ปืนโหด ณ วัดสายไหม คาดระหว่างเกิดเหตุผู้เสียชีวิตไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีปืน ไม่ทันได้ตอบโต้ เชื่อมีคนให้ความร่วมมือนำปืนไปซ่อน

วันที่ 4 มกราคม 2568 มีรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลังจากนำร่างของ ร.ต.ท.บรรรัง เกษาพร รอง สวป.สน.สายไหม ที่ถูกนายอรรณพ ศรีสืบ หรือช่างสันต์ อายุ 41 ปี ช่างซ่อมรถจักรยานยนต์ ใช้อาวุธปืน ขนาด 9 มม. กระหน่ำยิง 7 นัด เสียชีวิตมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดสายไหม โดยมีพลตำรวจโทสยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ญาติ และเพื่อนตำรวจ เข้าร่วมในพิธี

โดยบรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความโศกเศร้า และหลังจากที่มีการรดน้ำศพเสร็จ ทางผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้ให้สัมภาษณ์ว่า ตั้งแต่เมื่อวาน พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 ได้ลงมาควบคุมสำนวนด้วยตัวเอง ได้มีการเชิญเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน มาเก็บรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ในส่วนของการสืบสวนก็ได้มีการวางกรอบไว้แล้ว ได้มีการเก็บปลอกกระสุนปืนในที่เกิดเหตุ เพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายนี้ให้ครบถ้วน

...

จากการสอบถามผู้ต้องหารายนี้ ให้การว่า ผู้ต้องหาได้นั่งดื่มสุราอยู่ที่บริเวณบ้าน และทะเลาะกับคนเมียนมาคนหนึ่งและไล่ตามกันมา จากนั้นเห็นว่าคนเมียนมาวิ่งเข้ามาหาผู้เสียชีวิตเพื่อขอความช่วยเหลือ จากนั้นผู้ต้องหาก็เดินเข้ามาซักถามกับทางผู้ก่อเหตุว่าทางคนเมียนมามาบอกอะไร ซึ่งดูจากอาการผู้เสียชีวิตเห็นว่าผู้ต้องหามีอาการเมาจึงแนะนำว่า "ถ้าเมาแล้วก็ให้กลับไปนอนเถอะ"

ในระหว่างที่พูดคุยกัน ผู้ต้องหาได้ชักอาวุธปืนออกมาแล้วยิงใส่ผู้เสียชีวิตทันที ในตอนนั้นคาดว่าผู้เสียชีวิตไม่เห็นว่าอีกฝ่ายมีอาวุธปืน จึงไม่ทันได้ตอบโต้อะไร เพราะจากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุ อาวุธของตำรวจยังคงอยู่ในซองปืน ยังไม่ได้ถูกแกะออกมาใช้งาน

จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหา เคยโดนคดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง และตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาได้มีการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องไปแล้วทั้งหมด 8 คน

นอกจากนี้ยังเชื่อว่ามีผู้อื่นให้ความร่วมมือในเรื่องของอาวุธปืนในการนำไปซุกซ่อน เบื้องต้นตอนนี้ 1 คน ซึ่งถ้าพบว่าใคร เกี่ยวข้อง หรือให้การช่วยเหลือ ก็จะดำเนินคดีทั้งหมด

ในส่วนของผู้เสียชีวิตเองเป็นสายตรวจเดินเท้า เน้นพูดคุยกับประชาชนที่อยู่ 2 ข้างทางและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และเป็นการหาข่าวว่าในช่วงเทศกาลปีใหม่มีเหตุการณ์หรือมีเบาะแสอะไรหรือไม่ เพื่อมาใช้ในการป้องกันเหตุอาชญากรรม

ในส่วนของการเยียวยา ได้มอบกองทุน Police award 300,000 บาท ให้กับทางครอบครัวส่วนการช่วยเหลือในด้านอื่นๆ อีกประมาณ 1 ล้านบาท ทั้งกองทุนต่างๆ สวัสดิการต่างๆ

นอกจากนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เน้นย้ำ ในการกวาดล้างจับกุมอาวุธปืน และมีการจับกุมเรื่อยๆ มาโดยตลอด หลังจากนี้คงต้องเพิ่มยุทธวิธีและการปิดล้อมตรวจค้นให้มากขึ้น ด้านยุทธวิธี มีการทบทวนอยู่ตลอดอยู่แล้ว แต่เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง ผนวกกับขณะนั้นมืดแล้ว เลยไม่ทันสังเกตว่าอีกฝ่ายมีอาวุธมาด้วย

ขณะนี้ท่านผู้บังคับการได้มีการกำชับในเรื่องของยุทธวิธี เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียทั้งตัวตำรวจผู้ปฏิบัติงาน และประชาชน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด

...

ด้านนางนิตยา เกษาพร ภรรยาของ ร.ต.ท.บรรรัง เปิดเผยว่า ก่อนประสบเหตุไม่ได้มีลางสังหรณ์อะไร โดยปกติสามีเป็นคนปากร้ายแต่ใจดี ตั้งใจทำงานตลอด เพื่อนๆ เห็นเพื่อนๆ ก็รักทุกคน เป็นคนชอบช่วยเหลือคน และตั้งแต่เป็นตำรวจมายังไม่เคยประสบเหตุแบบนี้นี่เป็นครั้งแรก ยืนยันว่าสามีกับผู้ก่อเหตุไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเพราะสามีไม่เคยพูดถึงคนนี้ให้ฟัง จะพูดถึงก็แต่คนที่ร่วมวงด้วยเท่านั้น ก่อนเลิกงานจะมีการถามกันทุกวันว่าวันนี้อยู่ไหน จะกินอะไร เวลาออกตรวจก็จะไปแป๊บเดียวแล้วก็กลับบ้าน อยากให้ทางตำรวจจัดการให้ถึงที่สุดเพราะมันเร็วเกินไป ยังไม่ทันได้ตั้งตัว