แก๊งชาวจีนอาละวาด ออกอุบายขอแลกเงินดิจิทัลเป็นเงินไทย ผู้เสียหายชาวจีนหลงเชื่อ เตรียมเงินไว้ 3 ล้านบาท ก่อนยกทีมบุกปล้น อุ้มตัวรีดเงินดิจิทัลอีก 2.7 แสน USDT ก่อนพามาปล่อยที่เดิม ตำรวจสุทธิสาร ล่าตัวดำเนินคดี

ที่ สน.สุทธิสาร เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 20 ต.ค. นายเอ (นามสมมติ) อายุ 30 ปี และนายบี (นามสมมติ) อายุ 35 ปี สองผู้เสียหายชาวจีน เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.เสถียร ทิมทอง รอง สว.(สอบสวน) สน.สุทธิสาร ผู้เสียหายทั้งสองถูกกลุ่มคนร้ายเป็นชายฉกรรจ์ 5 คน พร้อมอาวุธปืนสั้นและปืนยาวครบมือ บุกเข้าไปในที่ทำงานย่านถนนรัชดาภิเษก อุ้มไปบังคับเอาเงิน เป็นสกุลไทยและสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ รวม 4 ล้านบาท

โดยผู้เสียหายชาวจีนระบุว่า เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. วันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา มีชายฉกรรจ์เป็นชาวจีน 2 คน และเมียนมา 3 คนพร้อมอาวุธปืน บุกเข้ามาที่ทำงาน และขู่รีดไถเงินเป็นภาษาจีน โดยผู้เสียหายยอมให้เงินสดไป 3.2 ล้านบาท แต่กลุ่มคนร้ายยังขู่บังคับผู้เสียหายทั้ง 2 คน และพาขึ้นรถยนต์มุ่งหน้าไปที่จังหวัดนครนายก และขู่รีดไถเงินอีก 6 แสนดอลลาร์สหรัฐ แต่ผู้เสียหายไม่มีเงิน  จึงต้องขอยืมญาติชาวจีนให้โอนเงินดิจิทัลมาให้คนร้ายไป 270,000 USDT คนร้ายจึงยอมพาผู้เสียหายกลับมาปล่อยไว้ย่านบางเขน ของวันที่ 20 ต.ค. และได้ยึดโทรศัพท์มือถือมาทำลายซิมการ์ดทิ้ง ก่อนจะคืนโทรศัพท์มือถือให้ผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงได้ไปซื้อซิมการ์ดใหม่ที่ร้านสะดวกซื้อ

ความคืบหน้ากรณีดังกล่าวที่ สน.สุทธิสาร เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 21 ต.ค. พ.ต.อ.พรเทพ เฉลิมเกียรติ ผกก.สน.สุทธิสาร เปิดเผยว่า ผู้เสียหายทำธุรกิจเป็นนายหน้าจัดสรรหาที่พักให้แก่ชาวจีนที่มาเมืองไทย มีการจดทะเบียนบริษัทถูกต้องตามกฎหมาย โดยในวันเกิดเหตุได้รับการติดต่อจากบุคคลหนึ่ง ที่เคยติดต่อขอแลกเงินดิจิทัลกันมาก่อน ที่จะขอแลกเงินดิจิทัลคริปโตเคอเรนซี่ โดยให้เตรียมเงินสดไทยไว้จำนวน 3 ล้านบาท หลังจากนั้นไม่นานมีกลุ่มคนร้าย 5 คน เข้ามาภายในออฟฟิศ พร้อมอาวุธครบมือ ทำทีเป็นเข้ามาถามถึงคนชื่อ "ไมเคิล" ซึ่งเป็นเพื่อนของผู้เสียหาย จากนั้นได้เข้าไปรื้อค้นเงินเอาเงิน แล้วพากลุ่มผู้เสียหายรวม 2 คน ที่เป็นชาวจีนแต่พูดไทยได้ ไปยังจังหวัดนครนายก โดยการนำตัวไปมีการแยกผู้เสียหายออกขึ้นรถ 2 คัน พร้อมรีดเงินดิจิทัลไปอีก 270,000 USDT จากนั้นได้นำตัวผู้เสียหายทั้งสอง ขึ้นรถคันเดียวมาส่งที่บริเวณย่านบางเขนในวันต่อมา

...

ผกก.สน.สุทธิสาร กล่าวว่า โดยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สน.สุทธิสาร ร่วมกับกก.สส.บก. 2 และ ตม. ได้ทำการตรวจสอบทะเบียนรถยนต์ของผู้ก่อเหตุพบว่าเป็นการใช้ทะเบียนปลอม และได้ทำการสอบสวนผู้เสียหายเสร็จสิ้น เมื่อเวลา 03.00 น. วันนี้ ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า ผู้ก่อเหตุเป็นชาวเมียนมาร่วมด้วยหรือไม่ เนื่องจากการสื่อสารพบว่าเป็นคนจีน ส่วนบุคคลที่ชื่อ "ไมเคิล" ขณะนี้ได้ประสานกับ ตม.เพื่อตรวจสอบว่า บุคคลที่เข้ามาในราชอาณาจักรถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ แต่ยืนยันว่ามีตัวตน

พ.ต.อ.พรเทพ กล่าวว่า เช้าวันนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบกับทาง ตม. เพื่อไล่เรียงพฤติกรรมการก่อเหตุทั้งหมด ยืนยันว่าผู้เสียหายเข้าเมืองไทยมาโดยถูกต้องและทำธุรกิจถูกกฎหมาย โดยจากการสอบสวนเบื้องต้นผู้เสียหายสงสัยว่า น่าจะเชื่อมโยงกับตัวอดีตภรรยาที่ได้เลิกรากันไป โดยมีลูกด้วยกัน ขณะนี้ผู้ต้องสงสัยรายนี้ยังอยู่ในเมืองไทย แต่ในเบื้องต้นยังเป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน ส่วนการติดตามตัวคนร้ายขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ไล่ตรวจสอบเส้นทางการก่อเหตุ และเชื่อว่าขณะนี้ผู้ต้องหายังคงอยู่ในประเทศไทย แต่การติดตามมีความยากลำบาก เพราะเนื่องจากผู้ต้องหาได้ทำการแยกย้ายรถออกไปคนละคันและหลบหนี ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงให้การดูแลผู้เสียหายทั้งสองคน เนื่องจากทั้งคู่ยังอยู่ในความหวาดกลัวอันตราย.