เปิดนาทีปิดล้อมทุ่งนา อยุธยา บินโดรนค้นหาเมียอดีตนักมวย ใช้ปืนจี้ตัวเองขึ้นรถตำรวจหนี สุดท้ายยกมือตะโกน "ยอมแล้ว"ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ปิดล้อมเข้าจับกุม นายสันติ เจ๊ะอะหลี อายุ 39 ปี อดีตนักมวย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 4888/2567 ลงวันที่ 3 ต.ค. 67 ข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ในเคหสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ, บุกรุกในเวลากลางคืน และทำให้เสียทรัพย์ หลังก่อเหตุลักอาวุธปืน และหนีการจับกุมเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง ซอยอินทามระ 29 แยก 1 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม.ซึ่งภายในบ้านหลังดังกล่าว มีผู้อยู่อาศัยรวม 4 คน ซึ่งมี 2 คนสามารถหนีออกมาได้ก่อน กระทั่งเจ้าหน้าที่ปิดล้อมพื้นที่ ช่วยเหลือคนในบ้านอีก 2 คนออกมาได้อย่างปลอดภัย ส่วนคนร้ายปีนชั้น 2 หนีออกไปทางหลังบ้าน โดยระหว่างนั้น เกิดเหตุซ้ำซ้อนขึ้น เมื่อ น.ส.พจนีย์ เมียของนายสันติ ก่อเหตุใช้ปืนจี้ตัวเอง ขึ้นรถตำรวจ ขับรถมุ่งหน้าวิภาวดีฯขาออก ระหว่างทางมีการประสานให้ตำรวจในพื้นที่ ตั้งด่านสกัด แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ กระทั่งรถไปจอดริมถนนธัญบุรี ต.ข้าวงาม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา น.ส.พจนีย์ ถือปืนลงจากรถ ระหว่างนั้น น.ส.พจนีย์ ได้ยิงปืนออกมา 3 นัด ก่อนวิ่งหลบหนีเข้าป่าหายตัวไปจากนั้นตำรวจได้ทำการบินโดรน จำนวน 2 ลำ เพื่อค้นหา น.ส.พจนีย์ แต่ก็ยังไม่พบตัว หลังจากนั้นได้ทำการเสริมกำลัง และวางแผนกัน เพื่อค้นหาตัว โดยใช้โดรนบินจับสัญญาณความร้อน ใช้เวลาประมาณ 20 นาที พบ น.ส.พจนีย์ ซ่อนตัวอยู่ในทุ่งนา ระหว่างนั้น เฮียตี๋ ซึ่งเป็นอดีตหัวหน้างานของนายสันติ ได้ใช้โทรโข่งเกลี้ยกล่อม กระทั่ง น.ส.พจนีย์ มีการโต้ตอบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกับยกมือซ้ายขึ้น ตะโกนว่า "ยอมแล้ว" แต่มือขวายังถือปืนอยู่ เจ้าหน้าที่จึงขอให้วางอาวุธปืนลง พร้อมเข้าควบคุมสถานการณ์อย่างรวดเร็ว เนื่องจากเกรงว่า น.ส.พจนีย์ จะทำร้ายตัวเองจากการตรวจสอบ พบ น.ส.พจนีย์ มีอาการบาดเจ็บที่ขา จึงประสานรถพยาบาลจาก รพ.ตำรวจ มารับตัวไปรักษา จากนั้นจะได้สอบสวน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป