อดีต 2 ผู้ถูกขังแฉผ่าน กัน จอมพลัง โรงพักแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรสาคร บริการประทับใจ เหมือนอยู่โฮเทลส์ บังกะโล ผู้ต้องขังอยากได้อะไร ขอเพียงแค่มีเงิน มีตั้งแต่มือถือให้ใช้ ไวไฟฟรี รูมเซอร์วิส บริการอาหารและเครื่องดื่มส่งถึงห้องขัง น้ำท่อม บุหรี่ กัญชา สามารถสั่งได้ตลอดเวลา มีเดลิเวอรี่ โยนให้ถึงที่ ล่าสุด ผบช.ภ.7 สั่งตั้ง กก.สอบข้อเท็จจริงแล้ว

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 กันยายน 2567 ที่สำนักงานของกัน จอมพลัง ถนนพหลโยธิน เขตบางเขน นายเอ อายุ 26 ปี และนางบี อายุ 30 ปี (ทั้ง 2 คน นามสมมติ) อดีตผู้ถูกขัง ออกมาแฉกับกัน จอมพลัง หลังจากที่ตนถูกคุมขังที่โรงพักแห่งหนึ่งในสมุทรสาคร พร้อมภาพหลักฐาน ถึงขั้นห้องขังเหมือนโฮเทล บังกะโล มีแม่บ้านปูที่นอนผ้าห่มพร้อม เสียเงิน 100 บาท ใช้โทรศัพท์ได้ หิวเมื่อไหร่จ่าย 100 มีมาม่า 2 ห่อ พร้อมกระติกน้ำร้อน รูมเซอร์วิสส่งถึงห้อง แบตหมดไม่ใช่ปัญหา มีบริการชาร์จแบตชั่วโมงละ 30 ไม่พอผู้ถูกคุมขังอ้างมีบริการไวไฟฟรีอีกด้วย โทรศัพท์จะถูกเรียกกลับทุก 7 โมงเช้า

อดีตผู้ถูกขังลั่นไม่แปลกใจ ทำไมคนล้นคุก เพราะเข้ามาสุขสบายกว่าอยู่บ้าน พร้อมตั้งคำถามทุกคนได้รับบริการแบบนี้หรือไม่

ด้านนางบี เปิดเผยว่า อันดับแรกที่ตนเข้าไปมอบตัว เจ้าหน้าที่ควบคุมห้องขังจะสอบถามว่า มีทรัพย์สินอะไรไหม มีเงินติดตัวเท่าไหร่ ตนเองบอกไปว่าไม่มีเงินติดตัว เจ้าหน้าที่คุมขังจึงให้เอากระเป๋าและโทรศัพท์วางไว้ด้านนอกและพูดกับตนว่า "น้องไม่มีเงินให้ไปอยู่โซนเปิด" ตอนแรกตนเองแปลกใจว่าโซนเปิดคืออะไร พอเข้าไปด้านใน มี 2 โซน โซนเปิดกับโซนปิด โซนปิดจะมีผ้ากั้น สามารถนอนได้ ส่วนโซนเปิดคนนอกจะมองเข้ามาเห็นด้านในห้องขังได้ ซึ่งตนเองได้เข้าไปอยู่ในโซนเปิด

จากนั้น มีคนกลางที่เป็นชาวเมียนมา คอยให้คำแนะ เข้ามาอธิบายขั้นตอนในการอยู่ร่วมกัน ซึ่งตนก็งงที่คนกลางอธิบาย แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร

...

ต่อมาตนเองคิดถึงลูก อยากใช้โทรศัพท์โทรหาลูก จึงสอบถามเพื่อนในห้องขัง เพื่อนในห้องแนะนำว่า ให้ลองขอเจ้าหน้าที่ดู แค่พอลองถาม เจ้าหน้าที่ก็ไม่อนุญาต

จากนั้นคนกลางชาวเมียนมา ที่คอยแนะนำตอนแรก เดินเข้ามา บอกกับตนว่าให้เอาเงินมา 100 บาท เดี๋ยวไปเคลียร์กับนายเวรให้ 100 บาทตนจะสามารถใช้โทรศัพท์ได้จนถึง 07.00 น. (เช้า) แต่ต้องมีเสื้อและมีผ้าคลุมคลุมเอาไว้ และเวลาใช้โทรศัพท์ ต้องคอยเอาผ้าปิด เพื่อที่จะหลบกล้องวงจรปิด ไม่ให้คนภายนอกเห็น

ตนจึงยืมเงินเพื่อนในห้องขัง จ่ายเงินไป 100 บาท คนกลางชาวเมียนมารับเงินไป ไม่นานเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เดินเข้ามาหน้าห้องขัง มาพร้อมกระเป๋าโทรศัพท์ และมีกฎว่าห้ามแชร์ ห้ามถ่ายรูป และสามารถใช้ได้จนถึง 7.00 น. ตนเองยืนรอรับจากเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้คุมขังจึงได้ใช้โทรศัพท์

จากนั้นตนเห็นคนเดิม เดินถือกระติกน้ำร้อนเดินไปเดินมา ตนจึงถามว่าที่นี่มีกระติกน้ำด้วยเหรอ ปรากฏว่า คนกลางชาวพม่าคนนั้น บอกว่า สามารถใช้ได้ แค่ต้องจ่ายเงิน 50-100 บาท มีทั้งมาม่า มีทั้งกาแฟ จะเอาอะไรสามารถบอกได้ตลอด ถ้าอยากทานผลไม้ ก็ต้องเสียเงิน มีผลไม้ให้เลือก พร้อมมีดไว้ปอกผลไม้ในห้องขัง หากอยากชาร์จแบต เสียค่าชาร์จชั่วโมงละ 30 บาทเท่านั้น

พอตกกลางคืน ใครต้องการผ้าปูที่นอน อยากนอนสบาย หรือพัดลมส่วนตัว จ่าย 100 บาท เดี๋ยวมีคนเอาผ้าปูที่นอนมาปูให้เสร็จเรียบร้อย

ใครอยากได้น้ำกระท่อม บุหรี่ ใบกัญชา สามารถสั่งได้ตลอดเวลา

ที่น่าตกใจ มีชาวเมียนมาอีกคนมาเล่าให้ตนเองฟังว่า ตั้งแต่เข้ามา จ่ายเงินไป 5,000 บาท ซึ่งได้ห้องนอนส่วนตัว มีที่ซักผ้า ได้อยู่ในโซนปิด มีผ้าม่านกั้นไม่ให้คนนอกมองเห็นเข้ามาได้

“ที่ตนออกมาพูดในวันนี้ อยากเป็นกระบอกเสียงให้คนชาวสมุทรสาคร เนื่องจากชาวเมียนมาบางคน ไม่มีใบอนุญาตให้เข้ามาค้าขายในพื้นที่สมุทรสาคร จากที่โดนจับไปคุมขัง สักพักก็ออกมาค้าขายต่อได้ ทำให้ตอนนี้คนไทยในพื้นที่สมุทรสาคร ทำการค้าขายสู้ชาวเมียนมาไม่ได้ จึงตัดสินใจออกมาเปิดเผยความจริง อยากให้สังคมของคนสมุทรสาครดีขึ้น”

ต่อมานายเอ อดีตผู้ถูกคุมขังชาย เปิดเผยว่า ตนมายืนยันว่า ห้องคุมขังฝั่งชาย เป็นระบบเดียวกันกับห้องคุมขังฝ่ายหญิง และยังเคยเห็นว่า หากมีคนสั่งซื้อกัญชา จะมีคนนอกห้องขัง โยนกัญชาเข้ามาในห้องขัง โยนบุหรี่เข้ามา เพื่อให้ผู้ถูกคุมขังสูบกันอย่างปกติ มีโทรศัพท์เหมือนกัน

ทั้งนี้ “กัน จอมพลัง” หรือนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ กล่าวว่า ตนได้มีโอกาสพูดคุยกับอดีตผู้ถูกคุมขังที่โรงพักแห่งหนึ่ง ที่จังหวัดสมุทรสาคร โดยอดีตผู้คุมขังบอกว่า หลังจากที่เข้าไปอยู่ ต้องถึงกับแปลกใจ ที่ให้ห้องขังเหมือนอยู่บังกะโล มีแม่บ้านปูที่นอนผ้าห่มพร้อม เพียงจ่ายเงิน 100 บาท หากใครอยากใช้โทรศัพท์ก็จ่ายเพิ่มอีก 100 บาท หิวเมื่อไหร่จ่าย 100 มีมาม่าให้ 2 ห่อ พร้อมกระติกน้ำร้อน รูมเซอร์วิสส่งถึงห้อง แบตหมดไม่ใช่ปัญหามีบริการชาร์จแบตชั่วโมงละ 30 ไม่พอผู้ถูกคุมขังอ้างมีบริการไวไฟฟรีอีกด้วย โทรศัพท์จะถูกเรียกกลับทุก 7 โมงเช้า

ตอนนี้ตนประสานไปที่ท่านผู้บัญชาการภาค 7 ซึ่งท่านทำงานโดยเร่งด่วน ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว ว่ามีเหตุการณ์เกิดขึ้นตามที่ได้ข้อมูลมาหรือไม่ ตนเองเชื่อว่าท่านเอาจริงเอาจังกับกรณีนี้อยู่แล้ว

รวมถึงอดีตผู้ถูกคุมขัง มีหลักฐาน มีรูปถ่าย มีใครคอยอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้หรือไม่ หากมีผู้คุมขังที่อยู่นานแล้ว ทำตัวเหมือนมาเฟีย แล้วใช้ประโยชน์จากเรื่องดังกล่าวมาหาผลประโยชน์ มาหาเงิน ตนมองว่าไม่ถูกต้อง ถ้ามีแบบนี้ต้องจัดการให้ไม่เกิดขึ้น ความจริงแล้วตนเองอยากให้เปิดกล้องวงจรปิด เผื่อให้ข้อมูลกระจ่างกับประชาชน.

...