สมุทรปราการ พ.ต.ท.ประสงค์ อินเสมียน สว.(สอบสวน) สภ.พระประแดง เตรียมเรียกผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด สอบปากคำเพิ่มเติม กรณีหนุ่มนักแสดงซีรีส์ดัง ขี่เจ็ตสกีพุ่งชนเรือหางยาว ทำให้หญิงสาวผู้โดยสารและคนขับเรือ จมเจ้าพระยาดับ 2 ราย

จากเหตุการณ์เจ็ตสกีพุ่งเข้าชนเรือหางยาวข้ามฟากรับส่งผู้โดยสาร ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 2 ราย ในกลุ่มเจ็ตสกี เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูนำส่งโรงพยาบาลบางปะกอกสมุทรปราการไปก่อนหน้านั้น ส่วนผู้สูญหายในน้ำอีก 2 ราย ซึ่งเป็นคนขับเรือหางยาวและผู้โดยสาร ที่กระเด็นตกลงไปขณะเกิดเหตุ โดยเหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 17 ส.ค. 2567 ซึ่งเจ้าหน้าที่ระดมกำลังช่วยกันค้นหาร่างผู้สูญหายทั้งสอง ทั้งสถานีตำรวจน้ำ 2 กองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจน้ำ หน่วยช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำที่ 5 กองทัพเรือ และทีมประดาน้ำมูลนิธิร่วมกตัญญู โดยมีกรมเจ้าท่า และฝ่ายปกครองท้องถิ่น ตำบลบางยอ ช่วยอำนวยการในการปฏิบัติงานในครั้งนี้ ซึ่งการค้นหาเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากเป็นช่วงเวลากลางคืน บริเวณจุดเกิดเหตุเป็นที่มืด และกระแสน้ำด้านล่างไหลเชี่ยว ประกอบกับด้านบนก็มีฝนเทลงมาอย่างหนัก แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ย่อท้อ ทำการค้นหาต่อเนื่องกว่า 6 ชั่วโมง


โดยกลุ่มเรือเจ็ตสกีได้เดินทางจากจอมทอง ซ.3 ซึ่งอยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยนำลงแม่น้ำจำนวน 5 ลำ มีผู้ร่วมเดินทางรวม 11 คน หนึ่งในนั้นคือ นายชินดนัย แซ่ลิ้ม หรือคิวพี นักแสดงละครซีรีส์ เรื่อง วุ่นรักนักบิด ซึ่งเป็นคนขับขี่เจ็ตสกีลำที่พุ่งชนเรือหางยาว ก่อนเกิดเหตุได้แล่นไปตามแม่น้ำเจ้าพระยาไปทางร้านอาหารบ้านลุงอู พระประแดง เพื่อมากินข้าว หลังจากกินข้าวเรียบร้อยแล้ว ได้มุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ เพื่อจะกลับบ้าน โดยเจ้าตัวบอกว่า ขณะนั้นค่อนข้างมืด และมองไม่เห็นเรือคู่กรณีที่ขับข้ามฟากมาจากอีกฝั่ง เพื่อนตนเองอีกลำมาถึง สามารถหักหลบทัน ส่วนตนเองหลบไม่ทันจึงพุ่งชนเรือลำดังกล่าว เนื่องจากจังหวะที่เห็นคือระยะเมตรสุดท้ายจริงๆ ประกอบกับเรือคู่กรณีไม่มีไฟหรือสัญญาณไฟอื่นๆ สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ ไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดเหตุแต่อย่างใด มันเป็นระยะกระชั้นชิดจริงๆ ยอมรับว่ายังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่คาดคิดว่าจะเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้  

...

ต่อมาเมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 18 ส.ค. 2567 เจ้าหน้าที่ใช้เครื่องปฏิบัติการค้นหาใต้น้ำ เครื่องโซนาร์ (sonar) ค้นหาวัตถุ กระทั่งพบร่างผู้สูญหายทั้งสอง นอนจมอยู่ใกล้กันกับเครื่องยนต์ของเรือ เป็นช่วงร่องน้ำที่มีความลึกมากกว่า 20 เมตร และพยายามนำร่างทั้งสองขึ้นมาบนฝั่งอย่างทุลักทุเล ทราบชื่อต่อมา คือ นางสาวปาริฉัจ หอยมั่น อายุ 43 ปี เป็นผู้โดยสารที่กระเด็นตกจากเรือ และนายประยูร อ่วมประทุม อายุ 66 ปี เป็นผู้ขับขี่เรือลำที่ประสบเหตุ 

ด้าน พ.ต.ท.ประสงค์ อินเสมียน สว.(สอบสวน) สภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ได้ทำการถ่ายภาพบันทึกไว้เป็นหลักฐาน และส่งมอบศพให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู นำส่งสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อชันสูตรตามขั้นตอน จากนั้นจะให้ญาติติดต่อรับศพไปดำเนินพิธีตามศาสนาต่อไป ส่วนเรื่องทางคดี เจ้าที่ตำรวจจะเรียกผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดมาสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


นายปิยะลักษณ์ ถิ่นแก้ว อายุ 45 ปี หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการกู้ภัยทางน้ำของมูลนิธิร่วมกตัญญู ได้เล่าให้ฟังว่า อุปสรรคในการเกิดเหตุมีหลายสิ่งหลายอย่าง อย่างแรกเลยคือ เหตุเกิดในช่วงเวลากลางคืน การชี้จุดที่เกิดเหตุมันอยู่ห่างจากฝั่ง ผมคิดว่ามันคงไม่แม่นยำเหมือนที่เราอยู่ใกล้ๆ แล้วก็การคาดคะเน เราก็มีการประเมินในการปฏิบัติงานในช่วงแรก มีการวัดน้ำ วัดกระแสน้ำ วัดความลึก อะไรต่างๆ ก็เจออุปสรรคในช่วงแรกเลยคือ ในช่วงที่เกิดเหตุเป็นลักษณะมีกระแสน้ำลง แล้วก็จุดเกิดเหตุอยู่กลางแม่น้ำ แล้วก็พยานชี้จุดมา อยู่บริเวณร่องน้ำถึงผิวน้ำ มีลักษณะในการไหลไม่ค่อยแรง แต่ด้านล่างเนี่ยเป็นอุปสรรคกับนักปฏิบัติการใต้น้ำพอสมควร หลังจากที่ปฏิบัติการในเบื้องต้นในช่วงแรก ฝนก็กระหน่ำลงมา เราจึงส่งชุดปฏิบัติการที่ 2 และที่ 3 ก็ยังไม่พบ จึงทำการยกระดับในการใช้เครื่องมือหรือใช้ซาวเดอร์ ทำการค้นหาในเบื้องต้น ก่อนที่จะพบร่าง เราพบวัตถุที่ลักษณะว่าคล้ายๆ กับเครื่องยนต์ แล้วก็ทีมปฏิบัติการกำลังระดมกำลังจะตีกรอบเข้าไป เพื่อบีบเข้าไปหาเครื่องยนต์ ก็พบกับร่าง แล้วก็ร่างอยู่ในลักษณะที่อยู่ด้วยกัน ตนคิดว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ท่าน น่าจะมีการช่วยเหลือกันพอสมควร ถือว่าเป็นภาพที่น่าสลดใจ

สำหรับความลึกของจุดที่พบศพ ตอนช่วงที่น้ำลงตอนแรก ประมาณร่องน้ำ 17 เมตร แล้วก็ด้านข้างร่องน้ำอยู่ที่ประมาณ 13 เมตร แล้วก็ตอนช่วงน้ำลง มีบางจุดอยู่ที่ 10-13 เมตร แต่ก็ยังมีกระแสน้ำอยู่ตลอด ในการปฏิบัติงานครั้งนี้ตั้งแต่เวลาที่เกิดเหตุมาจนพบศพ ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง การปฏิบัติการใต้น้ำจะเป็นผลอย่างไร มันขึ้นอยู่กับข้อมูลแรกที่ทำการส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ ตนเองจึงทำการตีกรอบให้มันแคบลง และใช้เครื่องมือที่มีเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เราจึงเกิดความสำเร็จในการค้นหาร่างผู้เสียชีวิตในครั้งนี้

...

ขณะที่นายมงคลสวัสดิ์ เวิ่นกระโทก อายุ 48 ปี สามีของนางสาวปาริฉัจ ผู้เสียชีวิต เล่าว่า ถึงแม้ร่างภรรยาสุดที่รักจะไม่มีชีวิต แต่ก็ค้นหาจนเจอ ตนเองขอขอบพระคุณเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงาน ที่พยายามค้นหาจนเจอ แม้ว่าฝนจะกระหน่ำ และตกลงมาอย่างหนัก ตนเองขอขอบพระคุณมากกับทางเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงาน ที่ทุ่มเทอย่างเต็มที่