แม่พาลูก ด.ญ. วัย 14 เรียนอยู่ ม.2 เข้าร้องสมาคมสื่อเมืองคอน ถูกเฒ่าหื่น วัย 72 ข่มขืนมาราธอนจนตั้งท้อง 4 เดือน หลังเรื่องฉาวแดงขึ้น หวังฆ่าปิดปาก เพราะเกรงจะเสียชื่อ เพราะตัวเองเป็นคนดัง มีผู้นับหน้าถือตาใน อ.หัวไทร จึงวางแผนมัดด้วยผ้าขาวม้า ใช้ไม้ทุบตี แต่เด็กหญิงหนีเอาตัวรอดมาได้ ล่าสุดตำรวจช่วยเหลือ นำตัวเข้าตรวจร่างกาย และดีเอ็นเอทารกในท้องเพื่อเป็นหลักฐานเอาผิด

 

จากกรณีนางสุพรรณี อายุ 49 ปี มารดาของ ด.ญ.น้ำ อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.ชัยวุธ ศรีวิเลิศ สว.สอบสวน สภ.หัวไทร ให้ดำเนินคดีกับนายจรัญ (สงวนนามสกุล) เฒ่าวัย 72 ปี เจ้าของสวนปาล์ม ซึ่งมีศักดิ์เป็นญาติผู้ใหญ่ ทำร้ายร่างกาย ด.ญ.น้ำ ก่อนลงมือข่มขืนกระทำชำเรา แต่ ด.ญ.น้ำ รวบรวมกำลังดิ้นรนวิ่งหลบหนีมาได้ ก่อนถูกญาตินำส่ง รพ.หัวไทร อยู่ในอาการหวาดผวาอย่างหนัก เพราะได้รับบาดเจ็บรุนแรงทั้งร่างกายและจิตใจ ในขณะที่นายจรัญได้ให้การภาคเสธ อ้างว่าได้ตบตีทำร้ายร่างกาย ด.ญ.น้ำ จริง แต่ไม่ได้ข่มขืนกระทำชำเราตามที่ถูกกล่าวหา และพร้อมจะต่อสู้คดีจนถึงที่สุด เหตุเกิดในสวนปาล์มน้ำมันบ้านเนินหนองหงส์ ต.เกาะเพชร อ.หัวไทร เมื่อเย็นวันที่ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา

 

ล่าสุดวันนี้ (25 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าว่า ทางญาติๆ ของ ด.ญ.น้ำ ได้ร้องเรียนขอความเป็นธรรม และขอความช่วยเหลือจากสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ให้ช่วยติดตามอย่างใกลชิด เพราะเกรงว่า ด.ญ.น้ำ จะไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากนายจรัญ ผู้ต้องหา นับเป็นผู้มีฐานะดี เป็นเจ้าของสวนปาล์ม และมีชื่อเสียงกว้างขวางใน อ.หัวไทร โดยหลังเกิดเหตุ นายจรัญได้วิ่งเต้นเคลียร์คดีกับทางแม่และญาติๆ ของ ด.ญ.น้ำ โดยพร้อมจะจ่ายเงินก้อนใหญ่ให้กับแม่ของ ด.ญ.น้ำ และยังวิ่งเต้นผ่านผู้นำท้องถิ่น ให้ช่วยเหลือด้านคดี ซึ่งหลังก่อเหตุยังขับรถไปทั่วพื้นที่ ยิ้มระรื่น ไม่สะทกสะท้าน เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงเกรงว่า ด.ญ.น้ำ จะไม่ได้รับความเป็นธรรม และนายจรัญพ้นผิดลอยนวลได้ 

...

 

แม่และญาติๆ ของ ด.ญ.น้ำ ยืนยันว่า จะดำเนินคดีกับนายจรัญจนถึงที่สุด จะไม่รับเงินก้อนโตที่นายจรัญเสนอให้อย่างแน่นอน จึงได้ให้ข้อมูลสำคัญกับสื่อมวลชนว่า ในขณะนี้ ด.ญ.น้ำ ผู้เสียหาย อยู่ในอาการหวาดผวาอย่างหนักและในระหว่างที่นอนรักษาตัวที่ รพ.หัวไทร ได้ขอให้แม่และญาติเฝ้าใกล้ชิดเพราะเกรงจะถูกฆ่าปิดปาก  

 

นางสุพรรณี ยังกล่าวว่า สาเหตุจากที่ผ่านมานายจรัญได้หลอกล่อ ด.ญ.น้ำ ไปข่มขืนกระทำชำเรามาราธอนมาแล้วเกือบ 1 ปี จนมาทราบว่า ด.ญ.น้ำ ตั้งครรภ์เกือบ 4 เดือน จึงพยายามที่จะบังคับพา ด.ญ.น้ำ ไปทำแท้ง แต่ ด.ญ.น้ำ ไม่ยอม นายจรัญเกรงว่าเรื่องจะแดงออกไปจนสังคมรับรู้ สร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้กับวงศ์ตระกูล เพราะตัวนายจรัญเองเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของ อ.หัวไทร ที่ผู้คนเคารพนับหน้าถือตาอย่างกว้างขวางทั่ว อ.หัวไทร

 

“โดยนายจรัญคิดว่ากรณีข่มขืน ด.ญ.น้ำ มาราธอนจนตั้งครรภ์ 4 เดือน เรื่องจะต้องฉาวโฉ่ออกมาในอีกไม่ช้านี้อย่างแน่นอน จึงคิดวางแผนฆ่าปิดปาก ด.ญ.น้ำ มาระยะหนึ่งแล้ว จะเห็นได้ว่าหลังจากใช้ผ้าขาวม้าคล้องคอ ด.ญ.น้ำ ลากลงจากรถ จยย. พาเข้าไปในป่าละเมาะภายในสวนปาล์ม มัดด้วยผ้าขาวม้าและใช้ไม้ทุบตีใบหน้าและลำตัวอย่างโหดร้ายทารุณ พร้อมประกาศว่า “วันนี้เป็นวันสุดสุดท้ายของมึง” ก่อนจะลงมือข่มขืนกระทำชำเรา โดยคิดว่าเป็นการมีเพศสัมพันธ์กันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนลงมือฆ่าปิดปาก แต่นับว่าโชคดีที่ ด.ญ.น้ำ ยังพอมีสติและเรี่ยวแรง จึงใช้ช่วงจังหวะที่นายจรัญเผลอ รวบรวมพละกำลังที่มีอยู่ดิ้นรน และวิ่งหนีพ้นเงื้อมมือมัจจุราชรอดมาได้อย่างหวุดหวิด” นางสุพรรณีกล่าว


ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หัวไทร และ รพ.หัวไทร จะส่งตัว ด.ญ.น้ำ ไปตรวจภายในอย่างละเอียด พร้อมตรวจดีเอ็นเอทารกในท้องของ ด.ญ.น้ำ ซึ่งเป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่สามารถบ่งชี้ได้ว่า ใครคือพ่อของทารกในท้อง และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนัดสหวิชาชีพร่วมสอบสวนปากคำ ด.ญ.น้ำ ในสถานที่ใดที่หนึ่งในตัวเมืองนครศรีธรรมราช โดยไม่ต้องนำ ด.ญ.น้ำ กลับไปสอบปากคำที่พื้นที่ สภ.หัวไทร และคาดว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับกุมนายจรัญจากศาลจังหวัดปากพนัง ในขณะที่ประชาชนที่ทราบข่าวต่างเฝ้าติดตามความคืบหน้าในคดีนี้เป็นพิเศษ ว่าในที่สุดนายจรัญจะถูกจับกุมดำเนินคดี หรือหลุดพ้นลอยนวลหรือไม่ และทราบว่าล่าสุด ทาง "กัน จอมพลัง" ได้มีการให้ทีมงานติดต่อขอทราบรายละเอียดเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพื่อหาทางช่วยเหลือต่อไปแล้ว