"บิ๊กต่าย" พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยอมรับ "ยาอีลาบูบู้" เป็นรูปแบบใหม่ ส่วนตัวไม่เคยเห็นมาก่อน อยู่ระหว่างขยายผล สั่งเดินหน้าปูพรมกวาดล้างผู้ค้า-ผู้ซื้อรายย่อยตามชุมชนต่อเนื่อง ย้ำจะไม่หยุดจนกว่าสถานการณ์ยาเสพติดจะเบาบางหายไป

เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2567 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีสื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่ภาพยาอี มีลักษณะคล้ายตุ๊กตาลาบูบู้ ซึ่งพบที่จังหวัดเชียงราย ว่า กรณีพบยาเสพติดที่เป็นรูปการ์ตูน ยอมรับว่าปัจจุบันนี้ยาเสพติดมีการคิดค้นรูปแบบใหม่ๆ เสมอ ตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีหน้าที่ต้องสืบสวนขยายผลที่มาและรูปแบบให้เท่าทันต่อสถานการณ์ ส่วนตัวไม่เคยเห็นรูปแบบนี้มาก่อน ขณะนี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 อยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผล

ถามว่ารูปแบบยาเสพติดที่ปรับเปลี่ยนไปให้เหมือนการ์ตูน จะยิ่งสามารถเข้าถึงเยาวชนมากขึ้นหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า อาจเป็นไปได้ แต่ทั้งนี้แม้รูปลักษณ์จะเปลี่ยนไป แต่โดยพื้นฐานเป็นยาเสพติดที่มีส่วนผสมของเมทแอมเฟตามีน และตำรวจยังต้องปราบปรามการลักลอบการจำหน่ายเช่นเดิม

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวถึงผลปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นชุมชนเป้าหมาย ตามโครงการปิดล้อมตรวจค้นชุมชนแพร่ระบาดยาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพฯ ‘เด็ดปีกนักค้า รักษาผู้เสพ สร้างชุมชนปลอดภัยยาเสพติด’ ที่มีเมื่อช่วงเช้ามืดของวันนี้ว่า สืบเนื่องจากเมื่อ 27 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมาตำรวจได้มีการปิดล้อมจับกุมผู้ค้าและผู้ซื้อยาเสพติดรายย่อย โดยเรื่องนี้ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) เป็นหัวเรือใหญ่ในเรื่องนี้ โดยกำหนดเป้าหมายและจุดเสี่ยงเน้นไปที่กลุ่มผู้ค้ารายย่อย เพราะจากการวิเคราะห์เชื่อว่าพื้นที่ชุมชน ตำบล หมู่บ้าน กลุ่มพื้นที่นี้มีความเสี่ยงต่อการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามา และกระจายต่อให้กับกลุ่มผู้เสพรายย่อยต่อ ซึ่งในปฏิบัติการครั้งที่ 1 ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เพราะจับกุมยาบ้าได้ถึงประมาณ 6 ล้านเม็ด จากนี้ย้ำว่าเจ้าหน้าที่จะเดินหน้าปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง เพราะนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับกลุ่มผู้ค้ารายย่อย

...

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวอีกว่า ปฏิบัติการเมื่อเช้านี้มีเป้าหมายที่เป็นเครือข่ายยาเสพติด 800 เป้าหมาย และผู้ค้ารายย่อยกว่า 2,000 คน ผลของปฏิบัติการสามารถจับกุมผู้ค้า-ผู้เสพ ได้ประมาณ 1,700 ราย เป็นบุคคลตามหมายจับเกี่ยวกับยาเสพติด 122 ราย ยึดทรัพย์ที่เป็นของกลางได้ประมาณ 97 ล้านบาท ซึ่งเห็นได้ชัดว่าสอดรับกับปฏิบัติการครั้งที่ 1 และตนย้ำว่าจะไม่หยุดแค่ครั้งนี้ จะต้องมีครั้งที่ 3 และ 4 จนกว่าสถานการณ์ยาเสพติดจะเบาบางหายไป ในการจับกุมผู้ค้ารายย่อยเมื่อจับแล้วกลยุทธ์ที่ต้องทำต่อทันทีคือตรวจสอบทรัพย์สินตามมูลฐานกฎหมายฟอกเงิน.