ผบก.น.9 พร้อม ผกก.สน.ท่าข้าม เข้าตรวจสอบศพ "เฮียตุ้ง" คลั่งยิง "รอง ผกก.ป.สน.ท่าข้าม" เสียชีวิต ขณะเข้าระงับเหตุ ก่อนที่จะปลิดชีวิตตัวเอง โดย จนท.ได้เคลื่อนย้ายศพผู้ก่อเหตุไปยังแผนกนิติเวช รพ.ศิริราช ขณะที่ "ผู้การ น.9" ยัน พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ จะได้รับการช่วยเหลือด้านสวัสดิการของตำรวจอย่างเต็มที่
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 21 ก.ค. 67 พล.ต.ต.ประสงค์ อานมณี ผบก.น.9 พร้อมด้วย พ.ต.อ.เลิศศักดิ์ เขียมทรัพย์ ผกก.สน.ท่าข้าม พร้อมด้วย พนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม ได้ประสานแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ดำเนินการตรวจสอบศพนายบุญมา วณิชพงศ์ธร หรือ เฮียตุ้ง อายุ 49 ปี เสียชีวิตอยู่ภายในบ้านที่เกิดเหตุ หมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านพระราม 2 โดยทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูได้เคลื่อนย้ายศพนายบุญมาออกไปยังที่แผนกนิติเวช รพ.ศิริราช แล้ว ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้เดินทางมาทำการเข้าตรวจสอบภายในบริเวณบ้านดังกล่าว
พล.ต.ต.ประสงค์ เปิดเผยว่า กรณีของ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ จันยะรมณ์ รอง ผกก.ป.สน.ท่าข้าม เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ จะได้รับการช่วยเหลืออย่างเต็มที่จากทางสวัสดิการของตร. บช.น.และบก.น.9 ระหว่างเกิดเหตุ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ พร้อมสายตรวจ และจราจร สน.ท่าข้าม ครั้งแรกได้เข้าระงับเหตุแต่ผู้ก่อเหตุไม่ได้ออกมาแต่อย่างใด แต่เห็นว่ามีเด็กลูกของผู้ก่อเหตุ 2 คนอยู่ภายในบ้าน ทางญาติขอให้เข้าทำการช่วยเหลือ ระหว่างเข้าทำการจับกุมจะเข้าไปคว้าตัวคนก่อเหตุ แต่ลูกที่เป็นตัวประกันวิ่งสวนออกมาทำให้ถูกยิงดังกล่าว โดยที่ไม่ทราบว่าผู้ก่อเหตุตั้งใจยิงใส่เลยหรือไม่ แต่ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ ตั้งใจระงับเหตุให้จบเสร็จ และช่วยเด็กที่เป็นตัวประกันออกไปให้ได้
...
ทั้งนี้ รอผลชันสูตรตรวจสอบสภาพศพ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ จากแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช ก่อนนำศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดยางสุทธาราม หลังทางวัดยังไม่สะดวกเนื่องจากติดกิจกรรมวันเข้าพรรษา ในวันพรุ่งนี้ (22 ก.ค.) ต่อไป
ส่วนในด้านของผู้ก่อเหตุ ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำไปแล้ว 6 ปาก ประกอบด้วยภรรยาผู้เสียชีวิต และลูกของผู้เสียชีวิตอีก 5 คน พบว่า ทั้งหมดอยู่ในอาการเครียด ส่วนสาเหตุที่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้น้ำหนักสาเหตุการเสียชีวิตของนายบุญมา หรือ เฮียตุ้ง ไปที่การจบชีวิตตัวเอง นั้นเนื่องจากเมื่อเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่าเลือดในที่เกิดเหตุแห้งแล้ว แต่ความชัดเจนต้องรอผลพิสูจน์หลักฐานจากทาง แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลศิริราชต่อไป