ตำรวจออกหมายจับ "เสี่ยโจ้" พร้อมพวก บงการลักเรือนำ้มันเถื่อน ของกลางตำรวจน้ำ เตรียมประสานตำรวจสากลออกหมายแดงล่าตัว ท้าสู้คดี ถ้ามั่นใจว่าไม่ผิด ส่วน จนท.รัฐไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงร่วมก่อเหตุ
เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 67 ที่ห้องแถลงข่าวชั้น 2 ตึกประชาอารักษ์ บข.ก. พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะทำงานคดีเรือน้ำมันเถื่อนหาย ของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงรายละเอียดความคืบหน้ากับปฏิบัติการตรวจค้นและดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องคดีเรือน้ำมันหาย ที่ท่าเรือตำรวจน้ำสัตหีบ เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังมีรายงานข่าวว่าตำรวจได้ดำเนินการออกหมายจับ นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ "เสี่ยโจ้ ปัตตานี" พร้อมพวกรวม 6 คน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. เปิดเผยว่า หลังจากสืบสวนสอบสวนคดีผลเพิ่มเติม พบว่า เรือทั้ง 3 ลำที่หายไปนั้นมีกลุ่มผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องนอกจากผู้ต้องหา 15 ราย ที่เป็นบรรดาลูกเรือแล้วยังมีบุคคลอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องระดับสั่งการ โดยพบว่าเมื่อช่วงต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา นายสหชัย หรือเสี่ยโจ้ ได้สั่งการให้ นายสมเกียรติ และนายสำเริง ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิท และทำหน้าที่คอยประสานงานให้กับเสี่ยโจ้ในประเทศไทย ได้นัดหมายไต่ก๋งเรือทั้ง 3 ลำ คือ เรือ เจ.พี. เรือกำไรเงิน หรือ "ซีฮอส" และเรือดาวรุ่ง ซึ่งเรือทั้ง 3 ลำเป็นเรือของเสี่ยโจ้ ให้มาพบเจอกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยได้นำวิทยุสื่อสาร และ GPS มอบให้แก่ไต้ก๋งเรือทั้ง 3 ลำ เพื่อใช้ในการสื่อสารนัดหมายวันเวลาที่จะหลบหนี
จนวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังจากมีประกาศกรมอุตุนิยมวิทยาว่ามีสภาพอากาศคลื่นลมแรง จึงส่งผลให้ต้องนำเรือของกลางไปจอดทอดสมอ ห่างจากจุดจอดเรือประมาณ 100 เมตร เพื่อความปลอดภัย และป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเรือ กลุ่มเสี่ยโจ้สบโอกาสนัดหมายกันผ่านวิทยุว่า วันที่ 11 มิ.ย. เวลา 2 ทุ่ม ต้องนำเรือหนีออกมาให้ได้ วันที่ 11 มิ.ย. เรือทั้ง 3 ลำ เคลื่อนตัวออกจากจุดจอด ท่าเรือตำรวจน้ำสัตหีบตามภาพวงจรปิด ก่อนมาทราบเหตุวันที่ 12 มิ.ย.
...
พยานหลักฐานชัดเจนแล้วว่า เสี่ยโจ้ และพวกรวม 3 คน มีส่วนเกี่ยวข้องในการสั่งการให้นำเรือออกมา เมื่อวันที่ 16 ก.ค. จึงได้ขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับ นายสหชัย หรือเสี่ยโจ้ นายสมเกียรติ และนายสำเริง ในข้อหา "ร่วมกันใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันเอาไปเสียซึ่งทรัพย์สินอันเจ้าพนักงานได้ยึดรักษาไว้เป็นหลักฐาน"
ต่อมา วันที่ 18 ก.ค. ตำรวจกองปราบขออำนาจศาลออกหมายค้น 13 จุด ในพื้นที่สมุทรปราการ 1 จุด สมุทรสาคร 2 จุด เพชรบุรี 2 จุด สงขลา 2 จุด และปัตตานี 6 จุด ซึ่งเป็นบ้านหรือสำนักงานของผู้กระทำความผิด พบพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงกับคดีนี้ได้เป็นอย่างมาก แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพื่อเป็นสำนวนคดีในชั้นศาล
นอกจากนี้ยังพบว่า กลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับทั้ง 3 ราย หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว และนอกจากนี้ยังได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องหาอีก 2 ราย ที่ จ.ปัตตานี ได้แก่ นางอนันตญา และ นายนรินทร ในข้อหาเดียวกัน เนื่องจากพบพฤติการณ์เป็นฝ่ายบัญชีการเงิน ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นลูกน้องคนสนิทของเสี่ยโจ้ และเป็นคนโอนเงินให้กลุ่มไต้ก๋งเรือทั้ง 3 ลำ ทั้งนี้ยังพบฝ่ายบัญชีการเงินอีก 1 ราย ที่เป็นลูกน้องของเสี่ยโจ้คือ นางลดาวรรณ ซึ่งพบว่าได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว โดยจะดำเนินการออกหมายเรียกให้ นางลดาวรรณ มารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งถ้าหากไม่มารับทราบข้อกล่าวหา ก็จะดำเนินการออกหมายจับต่อไป
คดีนี้มีการออกหมายจับเพิ่มเติมอีก 3 หมายจับ ได้แก่ นายสหชัย หรือเสี่ยโจ้ นายสมเกียรติ และนายสำเริง ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ต้องหาในระดับสั่งการ และอยู่ในระหว่างการหลบหนีออกนอกประเทศ รวมทั้งแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีกับฝ่ายการเงิน 2 ราย คือ นางอนันตญา และนายนรินทร ส่วน นางลดาวรรณ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่เป็นฝ่ายการเงินนั้น ได้หลบหนีออกนอกประเทศ และอยู่ในระหว่างการออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป
พล.ต.ท.ไกรบุญ กล่าวว่า หลังจากนี้จัดเตรียมดำเนินการขอออกหมายแดงกับตำรวจสากลในการจับกุมเสี่ยโจ้ และพวกที่ถูกออกหมายจับรวม 3 ราย โดยฝากผ่านไปยังสื่อมวลชนว่า ขอให้ทั้ง 3 รายเข้ามามอบตัวต่อสู้คดี หากเชื่อมั่นว่าตัวเองไม่ผิด ไม่มีความกังวลใจที่จะดำเนินคดีกับกลุ่มคนเหล่านี้ มีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐนั้น ณ ตอนนี้ยังไม่มีพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงถึงเจ้าหน้าที่รัฐแต่อย่างใด ส่วน หนุ่ม เมืองเพชร ขณะนี้ยังไม่มีพยานหลักฐานพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการเรือหาย.