ตำรวจปิดล้อมบ้านผู้ก่อเหตุ ใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ ใช้วิธีเจรจาเกลี้ยกล่อมจนเช้า ใช้ก้อนหินปากระจกบ้านจนแตก งัวเงียตื่นเดินออกมาและไม่มีอาวุธ จึงชาร์จจับตัวไว้ได้โดยละม่อม เป็นอดีตหน่วยจู่โจมนาวิกโยธิน ปฏิเสธไม่ได้ยิงตำรวจ และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เวลา 07.10 น. วันที่ 19 ก.ค. 67 ผู้สื่อข่าวติดตามความคืบหน้ากรณีนายสาวิต อายุ 35 ปี ผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นยิงตำรวจ ขณะเข้าระงับเหตุที่บ้านกกเต็น ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย โดยมีตำรวจกว่า 30 นาย ทำการปิดล้อมบ้านผู้ก่อเหตุ ตั้งแต่เย็นวานนี้จนถึงเช้าวันนี้ โดยผู้ก่อเหตุปิดประตูหน้าต่างไว้ เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปที่ข้างบ้านที่มีรั้วปูน และใช้ก้อนหินปาเข้าไปที่กระจกบ้านผู้ก่อเหตุจนแตก ทำให้ผู้ก่อเหตุตกใจ เดินออกมาที่ประตูบ้านในสภาพที่งัวเงีย ไม่สวมเสื้อ เจ้าหน้าที่อีกชุดที่ดักซุ่มอยู่ที่ประตูบ้าน เมื่อเห็นว่าเดินออกมาไม่มีอาวุธจึงเข้าชาร์จจับกุมตัวไว้ได้
จากนั้นนำตัวไปที่ห้องนอน ตรวจค้นพบอาวุธปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์อยู่ที่หัวนอน พบกระสุนปืนลูกซอง 1 นัด ในกระเป๋าสะพาย จึงได้ตรวจยึด และนำตัวไปค้นภายในบ้าน ขณะเดียวกันลุงของผู้ก่อเหตุ ได้นำซอยจุ๊และข้าวเหนียวมาให้หลานกิน เนื่องจากตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่ได้กินข้าว หลังกินเสร็จ นำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยผู้ก่อเหตุให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ยิงตำรวจ และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จากการสอบถามทราบว่าผู้ก่อเหตุเคยเป็นนาวิกโยธิน หน่วยจู่โจมของกองทัพเรือ
พ.ต.อ.ธนาวัชร ดีบุญมี ณ ชุมแพ รอง ผบก.ภ.จว.เลย เปิดเผยว่า หลังได้รับแจ้งเหตุก็มาระงับเหตุ ปรากฏว่าผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงเข้ามา แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จึงนำกำลังปิดล้อมใช้ยุทธวิธีสังเกตและเจรจาเป็นหลัก เพื่อให้ออกมามอบตัว ซึ่งเป็นช่วงเวลากลางคืน สุ่มเสี่ยงที่จะใช้ตำรวจเข้าปฏิบัติการ จึงมีการเกลี้ยกล่อมจนผู้ก่อเหตุออกมามอบตัวกับตำรวจ ส่วนทางคดีในเบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหา มีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง มีเครื่องกระสุนไว้ในครอบครอง ส่วนข้อกล่าวหาอื่นต้องให้ทาง พงส. สอบปากคำเพื่อแจ้งข้อหาเพิ่ม นับว่าเป็นการเจรจายาวนานถึง 16 ชั่วโมง จนสามารถจับกุมตัวไว้ได้
...