คดีฆ่าชาวอิหร่าน เจ้าของร้านอาหารที่พัทยา พร้อมภรรยาชาวไทยหมกศพในร้าน ตำรวจยืนยันชัดคนร้ายคือลูกจ้างชาวพม่า วัย 23 ปี กับเมียสาววัย 19 เบาะแสล่าสุดพบหนีไปนครปฐม เข้ามอบตัวกับ ตม. รับสารภาพหนีเข้าเมือง และสมัครใจกลับบ้านเกิด จนท.จึงส่งตัวกลับประเทศไปแล้วผ่านด่านพรมแดนแม่สอด
กรณีพบศพ นายมอจตาบา กันบาริอาชาดี อายุ 64 ปี ชาวอิหร่านเจ้าของร้านอาหาร และ นางสาว ธนาภรณ์ พูนประโคน อายุ 49 ปี ชาวจังหวัดบุรีรัมย์ ภรรยาของชาวอิหร่าน ถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมทิ้งศพหมกอยู่ในห้องนอนชั้น 2 ภายในร้าน บานู อิหร่าน เรสเตอร์รองท์ หมู่ 10 ซอยเดย์ไนท์ พัทยาใต้ หมู่ 10 ต.หนองปรือ ผู้ก่อเหตุสันนิษฐานว่าเป็นลูกจ้างชาวเมียนมา
ความคืบหน้า เมื่อเย็นวันที่ 16 ก.ค. 67 ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองพัทยา ไล่กล้องวงจรปิด จนไปพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า คลิก สีขาวคาดส้ม ทะเบียน งษธ 19 ชลบุรี ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ของผู้ตาย และเป็นรถจักรยานยนต์ซึ่งคนร้ายใช้ขี่หลบหนีหลังลงมือก่อเหตุ ฆ่าชาวอิหร่านพร้อมกับเมียคนไทย โดยรถจักรยานยนต์ ถูกนำมาจอดทิ้งไว้ หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง ริมถนนเพ็ชรตระกูล พัทยาเหนือ หมู่ 6 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ห่างจุดเกิดเหตุประมาณ 3 กม. แนวทางการสอบสวนของตำรวจพบว่าคนร้าย ขี่มาจอดทิ้งไว้ช่วงเวลาประมาณ ช่วงเช้าของวันที่ 12 กรกฎาคม จากนั้นขึ้นแท็กซี่ มุ่งหน้า เข้ากรุงเทพฯ
พ.ต.อ.นาวิน ธีระวิทย์ ผกก.สภ.เมืองพัทยา เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบในที่เกิดเหตุอย่างละเอียด รวมถึงการตรวจสอบกล้องวงจรปิด จากสภาพลักษณะของสภาพศพ เชื่อว่าคนร้ายทั้ง 2 คือ นายจอ เมี๊ย อู (MR.KYAW MYINT OO) อายุ 23 ปี ชาวเมียนมา และ นางสาว อิ ดิเซมเบอร์ (Miss Ei December) อายุ 19 ปี ทั้งสองเข้าประเทศไทย ทางด่านแม่สอด โดยใช้ใบผ่านแดนชั่วคราว
...
ต่อมาได้มี นางสาวลูกน้ำ อายุ 29 ปี ลูกสาวคนตาย (นางสาวธนาภรณ์ พูนประโคน) ได้เดินทางจาก จ.บุรีรัมย์ มาที่ สภ.เมืองพัทยา เพื่อให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เกี่ยวกับทรัพย์สินของแม่ โดยระบุว่าเบื้องต้น ทรัพย์สินที่ติดตัวแม่อยู่ตลอด มีสร้อยทองคำหนัก 1 บาท แหวนน้ำหนัก 50 สตางค์ และโทรศัพท์มือถือ ส่วนเงินสดแม่จะเป็นคนพกเงิน ไม่เกินวันละ 3,000 บาท ส่วนพ่อใหญ่ชาวอิหร่าน จะพกอยู่ที่วันละ 20,000 ถึง 30,000 บาท เพื่อใช้ในการซื้อของเข้าร้าน
นางสาวลูกน้ำ เล่าต่ออีกว่า แม่ขาดการติดต่อตั้งแต่คืนวันที่ 11 กรกฎาคม โดยปกติแล้วตนเองกับแม่จะพูดคุยกันตลอด หากไม่ได้คุยกันเต็มที่ก็ไม่เกิน 2-3 วัน แต่พอขาดการติดต่อไปหลายวัน รู้สึกเอะใจ จึงโทรมาขอความช่วยเหลือจากญาติซึ่งสนิทกับแม่ และอาศัยอยู่ในเมืองพัทยาให้ช่วยมาดูร้าน ก่อนจะพบว่าแม่กับพ่อเลี้ยงชาวอิหร่านถูกลูกจ้างชาวพม่าฆ่าอย่างโหดเหี้ยม
โดยแม่เคยเล่าให้ฟังว่า ไม่ไว้ใจลูกจ้างชาวพม่ารายนี้ ที่เพิ่งจะมาทำงานได้ 4-5 เดือน เพราะเงินในร้านหายบ่อย เวลาเงินหาย แม่ก็จะถูกพ่อเลี้ยงชาวอิหร่าน มาต่อว่าเป็นประจำ เพราะคิดว่าแม่เป็นคนขโมยเงินไป ถึงขั้นปรึกษาจะติดกล้องวงจรปิด ไว้คอยดูพฤติกรรมลูกจ้างชาวพม่า นอกจากนี้แม่เป็นคนจิตใจดี ก่อนหน้านี้ลูกจ้างชาวพม่าพักอยู่ที่ย่านนาเกลือ แต่เห็นว่าต้องขี่รถจักรยานยนต์ไปกลับ จึงบอกให้ ลูกจ้างชาวพม่า ย้ายมาพักอาศัยด้วยกัน อีกทั้งลูกจ้างชาวพม่า ยังพาแฟนสาวมาพักอาศัยด้วย แต่ไม่ได้ทำงาน
นางสาวลูกน้ำ พูดปิดท้ายว่า แม่กับพ่อเลี้ยงชาวอิหร่าน อยู่กินด้วยกันมานาน 4-5 ปี ส่วนสาเหตุที่ถูกฆ่าน่าจะมาจากเรื่องลูกจ้างไม่พอใจที่ถูกพ่อใหญ่ต่อว่ารุนแรง เพราะพ่อใหญ่เวลาเมาชอบพูดจาเสียงดังและต่อว่าลูกจ้างชาวพม่าเป็นประจำ จึงลงมือฆ่าแล้วชิงทรัพย์ ตนเองอยากวอนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี โดยก่อนหน้านี้ช่วงประมาณเดือนพฤษภาคม เพิ่งซื้อสร้อยทองคำหนัก 1 บาท ให้เป็นของขวัญวันเกิดให้กับแม่ ตัวเองรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี กล่าวว่า ในเบื้องต้นได้มาประชุมสรุปคดี โดยเชื่อว่าในวันนี้จะสามารถออกหมายจับ คนร้ายทั้ง 2 คน ซึ่งเป็นผัวเมียชาวพม่า ร่วมกันฆ่านายจ้างชาวอิหร่านและภรรยาชาวไทย ส่วนปมเหตุ น่าจะมาจากเรื่องการประสงค์ต่อทรัพย์ ส่วนอาวุธที่ใช้ในการก่อเหตุ ตำรวจพบค้อน ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ 1 อัน รวมถึงใช้ผ้ารัดคอผู้ตายจนเสียชีวิต แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องรอผลชันสูตรออกมายืนยันอีกครั้ง ส่วนคนร้าย ล่าสุดพบว่าถูกผลักดันออกนอกประเทศไปแล้วที่ด่านพรมแดนแม่สอด
ด้าน ตำรวจชุด สืบสวนสภ.เมืองพัทยา มีการสรุปเส้นทางหลบหนีของคนร้าย เบื้องต้น นายจอ เมี๊ย อู (MR.KYAW MYINT OO) อายุ 23 ปี ชาวเมียนมา และ นางสาว อิ ดิเซมเบอร์ (Miss Ei December) อายุ 19 ปี หลังก่อเหตุได้ขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดทิ้งไว้ที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านซอยเพ็ชรตระกูล ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 3 กิโลเมตร จากนั้นนั่งรถแท็กซี่จากเมืองพัทยาไปลงที่เขตบางโพงพาง แล้วต่อรถไปที่จังหวัดนครปฐม จากนั้นเดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนครปฐม ฐานความผิดหลบหนีเข้าเมือง และสมัครใจขอเดินทางกลับประเทศบ้านเกิดเมียนมา โดยตำรวจ ตม.นครปฐม ได้เปรียบเทียบปรับ แล้วพาตัวไปส่งที่ด่านพรมแดนแม่สอด จ.ตาก จึงทำให้เชื่อได้ว่า ปัจจุบันคนร้ายทั้ง 2 คน เดินทางกลับสู่ประเทศเมียนมาไปแล้ว โดยตำรวจไทย อยู่ระหว่างการประสานทางการประเทศเมียนมาช่วยติดตามจับกุมคนร้ายทั้ง 2 กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยต่อไป