บุรีรัมย์-ลูกจ้างวัย 19 ปี วางแผนฉกทองนายจ้างในตู้เซฟ ได้ไป 3 บาท เอาไปขายได้เงินกว่าแสนบาท ใช้เกลี้ยงเพียง 5 วัน ซื้อยาบ้ารวดเดียว 2 พันเม็ด สุดท้ายตำรวจตามรวบ สารภาพทำจริง ขณะนายจ้างสาวแสนใจดี เผยผู้ก่อเหตุเป็นเด็กที่รักเอ็นดูและไว้ใจที่สุด เลี้ยงดีที่สุด ช่วยเหลือยันทางบ้าน แต่ลึกๆ ยอมรับว่ายังสงสาร พร้อมให้โอกาสหากพ้นโทษ แล้วไม่มีที่ไป แต่ต้องมาคุยกัน
เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2567 ชุดสืบสวน สภ.โนนดินแดง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ นำตัวนายวิชญ์ ดีนา อายุ 19 ปี ชาว อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ ไปทำแผนประกอบการรับสารภาพ
หลังแกะรอยตามภาพวงจรปิด พบว่า เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 67 เวลาประมาณ 22.00 น. ได้ก่อเหตุปีนเข้าห้องพักของ น.ส.ดวงฤทัย ยากระโทก อายุ 36 ปี ที่อยู่ 98 ม.3 ต.โนนดินแดง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นเจ้าของร้าน “ดวงฤทัยเวดดิ้ง” ซึ่งเป็นนายจ้าง
ระหว่างการทำแผนฯ นายวิชญ์ มีใบหน้าเรียบเฉย โดยเข้าจากหน้าต่างข้างร้าน แล้วปีนเข้าไปเปิดตู้เซฟภายในห้องอย่างคล่องแคล่ว ได้สร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท 1 เส้น สร้อยข้อมือหนัก 1 บาทอีก 1 เส้น รวมได้ทองไปทั้งหมดหนัก 3 บาท หลังจากทำแผนฯ เสร็จ นายวิชญ์ ได้ไปกราบขอโทษ น.ส.ดวงฤทัย นายจ้างสาว
นายวิชญ์ อ้างว่า ทองที่ขโมยไปน้ำหนักรวม 3 บาท ขายได้เงินประมาณ 100,000 บาท เอาเงินไปใช้ซื้อรถจักรยานยนต์ 1 คัน ซื้อโทรศัพท์ไอโฟนให้แฟนสาว 1 เครื่อง และที่เหลือเอาไปซื้อยาบ้า 2,000 เม็ด เอามาไว้เสพ เพราะไม่อยากซื้อยิบย่อยเสียเวลา หลังสอบสวน นำตัวส่ง ร.ต.อ.ยุทธนา โพธิ์สีดี รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.โนนดินแดง อ.โนนดินแดง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เบื้องต้นเข้าข่าย “ลักทรัพย์นายจ้างในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ” ส่วนข้อหาที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดจะต้องตรวจสอบก่อน
...
นางสาวดวงฤทัย กล่าวว่า ตนเพิ่งซื้อทอง 3 บาทเมื่อเดือนที่แล้ว เพราะเห็นว่าราคาทองขึ้นตลอด เก็บไว้ต่อไปจะได้ราคาสูง หลังจากนั้นซื้อตู้เซฟมาใส่ทองไว้ เพราะเกรงจะไม่ปลอดภัย
“วันที่ 11 ก.ค. ตนรับงานเวดดิ้ง ที่จังหวัดสุรินทร์ ปกติจะต้องยกเอาลูกน้องภายในร้านไปทั้งหมด แต่วันนั้นนายวิชญ์ บอกว่าไม่ไป ตอนแรกก็แปลกใจว่าทำไมถึงไม่ไป ทั้งที่การออกนอกพื้นที่จะมีเบี้ยเลี้ยง
พอกลับมา พบว่าห้องนอนมีความผิดปกติ และเมื่อไปเปิดดูตู้เซฟ พบว่าทองที่เก็บไว้หายไปทั้งหมด จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือนายวิชญ์ อย่างแน่นอน ก่อนจะไปแจ้งความแล้วตำรวจติดตามจับกุมได้ดังกล่าว”

น.ส.ดวงฤทัย กล่าวด้วยว่า นายวิชญ์ เป็นคนที่ตนรักและไว้ใจมากที่สุด ให้เข้าออกบ้าน กินข้าวเหมือนกับบ้านตัวเอง ตนเลี้ยงอาหารทั้ง 3 เวลา ให้ค่าแรงเกินกว่ากฎหมายกำหนด ช่วยเหลือยันครอบครัวของนายวิชญ์ แต่ยังกล้ามาทำแบบนี้อีก
“ส่วนลึกๆ นั้น ยอมรับว่ายังสงสาร เพราะอาจจะทำไปเพราะความอยากได้ อยากมีเหมือนคนอื่น หลังจากนี้ หากนายวิชญ์ พ้นโทษออกมาแล้วทำตัวดี มาพูดคุยสัญญากันได้ ก็อาจจะรับเข้ามาทำงานอีก” น.ส.ดวงฤทัย กล่าว