ศาลอาญาสั่งจำคุก 2 ปี 6 เดือน ปรับ 3 หมื่น สีกาตอง อดีตสาวคนสนิทพระกาโตะ ส่วนพี่ชายจำคุก 1 ปี ปรับ 1 หมื่น ฐานร่วมกันกรรโชกทรัพย์อดีตพระนักเทศน์ชื่อดัง ศาลปรานีโทษจำคุกให้ลงอาญาไว้ 2 ปี
เวลา 09.30 น. วันที่ 17 ก.ค. 67 ที่ห้องพิจารณาคดี 711 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีกรรโชกทรัพย์ หมายเลขดำ อ 3450/2566 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.วีรินทร์ชิตา หรืออดีตสีกาตอง และนายสาธิต พี่ชายอดีตสีกาตอง เป็นจำเลยที่ 1-2 ตามลำดับ ในความผิดฐานร่วมกันกรรโชกทรัพย์
โดยอัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดจำเลยทั้งสองสรุปความว่า เมื่อระหว่างวันที่ 5 เม.ย. 65 - 21 เม.ย. 65 จำเลยที่ 1 ได้บังอาจขืนใจนายพงศกร จันทร์แก้ว หรืออดีตพระกาโตะ พระนักเทศน์ชื่อดัง ผู้เสียหาย โดยพูดขู่เข็ญบังคับให้ผู้เสียหายมอบเงินสด จำนวน 180,600 บาท ให้จำเลยที่ 1 มิฉะนั้นจะเปิดเผยคลิปสนทนาเชิงชู้สาว และภาพถ่ายข้อความเชิงสนทนาเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองให้สื่อมวลชนและประชาชนทั่วไปทราบ ซึ่งจะทำให้ผู้เสียหายที่ขณะนั้นกำลังบวชเป็นพระภิกษุ เป็นพระนักเทศน์ชื่อดัง มีประชาชนให้ความเคารพนับถือ ต้องถูกปลด หรือสึกจากการเป็นพระภิกษุสงฆ์ และเสื่อมเสียชื่อเสียง ผู้เสียหายจึงยอมให้เงินแก่จำเลยที่ 1 หลายครั้งหลายหนรวม 180,600 บาท
คำฟ้องระบุอีกว่า นอกจากนี้จำเลยทั้งสองได้พูดขู่เข็ญกับผู้เสียหายอีกว่า จำเลยที่ 2 เป็นพี่ชายจำเลยที่ 1 รู้เรื่องความสัมพันธ์ทางเพศและเชิงชู้สาวระหว่างผู้เสียหายกับจำเลยที่ 1 หากผู้เสียหายยินยอมจ่ายเงินจำนวน 3 แสนบาท จำเลยที่ 2 จะให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นน้องสาวยุติเรื่องราวที่เกิดขึ้น จะให้น้องสาวเก็บตัวอยู่เงียบๆ ไม่ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนอีก ทำให้ผู้เสียหายกลัวจะได้รับความเสียหาย ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงต่อตัวเองและครอบครัว จึงได้ยอมมอบเงินจำนวน 3 แสนบาทแก่จำเลยที่ 1 ไป เหตุเกิดที่ ต.กะเปียด อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช, ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เกี่ยวพันกัน โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยฐานร่วมกันกรรโชกทรัพย์ และให้จำเลยคืนเงินจำนวน 3 แสนบาทแก่ผู้เสียหายด้วย
...
จำเลยทั้งสองได้รับการประกันตัว โดยเบื้องต้นให้การปฏิเสธ แต่ภายหลังให้การรับสารภาพต่อศาล โดยผู้เสียหายยินยอมให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 3 หมื่นบาท โดยให้จำเลยที่ 1 ชดใช้เงิน 2 หมื่นบาท จำเลยที่ 2 ชดใช้เงิน 1 หมื่นบาท โดยผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความกับจำเลยทั้งสองอีก ศาลจึงมีคำสั่งให้พนักงานคุมประพฤติสืบเสาะ และพินิจประวัติการศึกษา สภาพครอบครัวฯ ของจำเลยทั้งสอง แล้วรายงานให้ศาลทราบเพื่อใช้พิจารณาประกอบคำพิพากษา
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยที่ 1 กระทำผิดจริงพิพากษาจำคุก 2 ปี 6 เดือน ปรับ 3 หมื่นบาท ส่วนจำเลยที่ 1 พิพากษาจำคุก 1 ปี ปรับ 1 หมื่นบาท พิเคราะห์ รายงานการสืบเสาะฯ เห็นว่าจำเลยทั้งสองไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ประกอบกับจำเลยทั้งสองได้เยียวยาค่าเสียหายแก่ผู้เสียหายจนเป็นที่พอใจ จึงให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดี โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาไว้มีกำหนดคนละ 2 ปี
จากนั้น นางสาววีรินทร์ชิตา ได้ลงมาให้สัมภาษณ์กับสื่อ บอกว่า ที่ผ่านมาได้ไกล่เกลี่ยกันไปแล้วบางส่วน มีการจ่ายเงินจำนวนหนึ่งให้ไปกับโจทก์ร่วมแล้ว และได้พูดคุยกัน ปรับความเข้าใจต่อกันทั้งหมด เพราะที่ผ่านมาจะเป็นการพูดคุยกันผ่านบุคคลอื่นไม่ได้พูดคุยกันจริง ๆ แต่พอได้พูดคุยกันใหม่ก็เข้าใจต่อกันดี ทั้งฝั่งโจทก์ร่วมก็ไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว และได้ถอนฟ้องในมาตรา 309 วรรค1 “ข่มขืนใจโดยทำให้กลัว” แล้ว ซึ่งถือว่าวันนี้ทุกอย่างจบลงด้วยดี ทางศาลก็ได้ตัดสินไปแล้ว
เมื่อถามว่า มีการพูดคุยอย่างอื่นนอกเหนือทางคดีหรือไม่ ทางนางสาววีรินทร์ชิตา บอกว่าไม่ได้พูดคุยกันอีกเลยหลังจากปรับความเข้าใจกันและตอนนี้ต่างคนต่างไปใช้ชีวิตใหม่กันแล้ว อยากให้ที่ผ่านมาเป็นบทเรียนของกันและกัน และเธอสัญญาว่าจะไม่กระทำความผิดใดๆ อีก พร้อมขอบคุณศาลที่ให้ความเมตตา รวมถึงทนายความ ครอบครัว ทุกคนที่ให้กำลังใจ จากนี้เธอขอไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ต่างประเทศ