หนุ่มไรเดอร์ ร้องสี่อ ถูกมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่งเครื่องแบบตำรวจ อ้างเป็น สารวัตร สภ.เมืองชัยนาท วิดีโอคอลมาข่มขู่แจ้งหมายจับคดีฟอกเงิน เรียก 50,000 แลกทำคดีไม่ให้ติดคุก สุดท้ายจับโป๊ะได้ ปลายสายคุยกันเรื่องแทงบอล 2 ล้าน
เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2567 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับนายกิติชัย ชะนะดี อายุ 35 ปี อาชีพขับรถไรเดอร์แห่งหนึ่งในเขตพื้นที่ ตำบลดอนหัวฬ่อ อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี หลังได้รับเรื่องร้องเรียนว่าถูกแก๊งมิจฉาชีพวิดีโอคอลมาหา โดยปลายทางได้แต่งตัวลักษณะเหมือนตำรวจ ยศ พันตำรวจโท อ้างเป็นสารวัตรของสถานีตำรวจภูธร เมืองชัยนาท ได้วิดีโอคอลทาง LINE มาหาตน โดยมีข้อมูลเป็นบัตรประชาชนและหมายศาลของจังหวัดชัยนาท บอกว่าตนมีความผิดฐานฟอกเงิน เนื่องจากได้เปิดบัญชีม้า กระทำความผิดขายยาบ้า โดยทางตำรวจได้จับนายพลากร จับตาสอน ได้ และทำการสอบสวนขยายผลมาถึงตนที่เป็นเจ้าของบัตร และได้มีการคุยกันเจรจากันอยู่นาน และในสายมีการเรียกเงิน จำนวน 50,000 บาท แลกกับการทำคดีไม่ให้ติดคุก หลังจากนั้นตนก็กลัวหวั่นจะเป็นเรื่องจริง กระทั่งปลายสายได้มีการคุยกันถึงเรื่องแทงบอลคู่ ฝรั่งเศสและสเปนโดยบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นสารวัตร ได้มีการแทงฝรั่งเศส สองล้านบาท ก่อนจะขอตัดสายไปคุยเรื่องบอลต่อ
จากการสอบถามนายกิติชัย ได้เล่าว่า มิจฉาชีพได้แต่งตัวคล้ายตำรวจและวิดีโอคอลมาในลักษณะนี้ ตนเห็นทีแรกยังคิดว่าเป็นตำรวจจริง เพราะตนไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน เพราะทางมิจฉาชีพมีข้อมูลของตนและบัตรประชาชน เลขบัตร 13 หลักครบ ตนจึงคิดว่าเป็นตำรวจจริง จึงได้คุยกับปลายทาง
“ทีแรกไม่คิดว่าเป็นมิจฉาชีพ จนกระทั่งปลายสายมีการคุยกันเรื่องถึงการแทงพนันบอล ระหว่างคู่สเปนและฝรั่งเศส และมีการเดิมพันสูง ถึงสองล้านบาท ตนจึงมั่นใจว่าเป็นมิจฉาชีพ จึงอยากออกมาเตือนภัยถึงชาวบ้านและประชาชนทั่วไปว่า ถ้าเป็นตำรวจจริงคงไม่โทรวิดีโอคอล LINE มาหาแบบนี้และมาเรียกเงิน เพราะถ้าเป็นตำรวจจริงคงต้องส่งหมายศาลมาที่บ้านแทน”
...
นายกิติชัย กล่าวอีกว่า ครั้งนี้โชคดีที่ตนไม่ได้เสียเงินแม้แต่บาทเดียว แต่อยากฝากเตือนภัยให้ระวังให้ดี อย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพ เพราะเทคโนโลยีมาไกลมาก ตนเคยเห็นแต่ในข่าว พอมาเจอด้วยตัวเองเกือบหลงเชื่อ เบื้องต้นตนได้แจ้งความไว้แล้วที่ สภ.ดอนหัวฬ่อ และทางตำรวจได้แจ้งว่า ตำรวจจริงจะไม่มีการโทรวิดีโอคอลหรือ LINE ไปหาในรูปแบบลักษณะดังกล่าว แต่จะเป็นการส่งหมายเรียกหรือหมายจับไปที่บ้านหากพบการกระทำความผิด