เชียงใหม่-พ่อแม่ของ "โอปอล" ผู้ต้องหาคดีฆ่าเอารถนำไปชิงทอง เดินทางร่วมงานศพ ร้องไห้กราบขอขมาศพ "ว่าที่ร้อยโทสุเทพ" เหยื่อผู้เสียชีวิต เผยลูกชายขอโทษ ฝากกราบศพแทนด้วย ขณะที่ผู้เป็นพ่อเศร้า ขอฝากเจ้าหน้าที่ช่วยดูแลเขาหน่อย ลั่น "เพราะบางครั้งมันเพี้ยน" กลัวจะคิดมาก
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 กรกฎาคม 2567 พ่อและแม่ของนายนิพิฐพนธ์ สมบูรณ์ อายุ 26 ปี หรือ โอปอล เดินทางมาที่วัดช่อแลพระงาม ตำบลช่อแล อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อขอขมาศพว่าที่ร้อยโทสุเทพ ชัยนันตา อายุ 48 ปี ไรเดอร์ ที่ถูกนายโอปอล ลูกชาย ฆ่าบนจุดชมวิวดอยสุเทพ ลากศพทิ้งเหว ก่อนจะชิงรถมาก่อเหตุชิงทอง 80 บาทในร้านทองกลางห้างดังเมื่อวันที่ 8 ก.ค. 67 ที่ผ่านมา
โดยพ่อและแม่ของนายโอปอล ผู้ต้องหาได้เข้าไปไหว้นางกฤษณา กาเผือก พี่สาวของว่าที่ร้อยโทสุเทพ พร้อมกล่าวขอโทษทั้งน้ำตา ที่ลูกชายของตนเองนั้นก่อเหตุครั้งนี้ ยอมรับผิดทุกอย่าง โดยครอบครัวของตนเองรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก แต่ก็เข้าใจความรู้สึกของพี่สาวผู้ตายดีที่ให้ทางครอบครัวตนเองมางานศพ เพื่อขอขมาครั้งนี้ ก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว ซึ่งตนเองก็ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูดแทนคำสูญเสียที่นางกฤษณาได้สูญเสียน้องชายไป
...
“ผิดที่ตนเองเลี้ยงลูกไม่ดี จึงทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นมา” ซึ่งพ่อและแม่ตลอดเวลาที่พูดคุยขอโทษนั้น ก็ได้ยกมือไหว้และร้องไห้ตลอดเวลาก่อนจะมอบเงินจำนวนหนึ่งเพื่อช่วยเหลืองานศพด้วย
โดยนางกฤษณา พี่สาวของว่าที่ร้อยโทสุเทพ ก็ได้รับไหว้ขอขมา แต่ก็บอกว่าตนเองเลี้ยงน้องชายมาตั้งแต่เล็ก ยอมรับทางฝ่ายครอบครัวเป็นผู้สูญเสีย ขณะนี้ยังทำใจไม่ได้ โดยเฉพาะแม่ไม่มาร่วมงานศพ แม้แต่วันเดียว เพราะยังทำใจไม่ได้และยังคงนั่งรอที่หน้าบ้านเพื่อให้ลูกชายกลับมาหาเหมือนเช่นทุกครั้ง
ซึ่งหลังจากมีการขอขมาพี่สาวของผู้ตายแล้ว พ่อและแม่ของนายโอปอลก็ได้ไปจุดธูปเพื่อขอขมาศพและขออโหสิกรรมต่อหน้าโลงศพของว่าที่ร้อยโทสุเทพ ว่า วันนี้ทางครอบครัวของโอปอลได้มาขอขมาและขออโหสิกรรม โดยทางโอปอลได้ฝากมาขอโทษ และขอขมาศพด้วยที่ได้ฆ่าผู้ตายไป
หลังจากนั้นก็ได้ไปพูดคุยกับเด็กชายวัย 15 ปี ลูกของผู้ตาย ขอโทษและบอกว่า หากมีอะไรให้ช่วยเหลือให้ติดต่อได้ตลอดเวลาก่อนจะให้เบอร์โทรไว้
โดยพ่อของผู้ต้องหา ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า วันนี้เกือบไม่ได้เดินทางมาขอขมาศพแล้ว เนื่องจากว่าแม่เครียด ต้องไปหาหมอเกือบต้องนอนโรงพยาบาลแล้ว แต่ตนคิดว่าตั้งใจแล้วให้แม่ต้องมาให้ได้ ซึ่งตั้งใจจะมาหลายวันแล้ว แต่คดียังไม่เสร็จ เมื่อมีโอกาสก็เลยต้องรีบมาต้องขอบใจทางครอบครัวของผู้ตายด้วยที่ให้มีโอกาสมากราบขอขมา-ขออโหสิกรรม ถึงแม้เขายังไม่รับทั้งหมด เพราะรู้ว่าเขายังเสียใจ เราเข้าใจ แต่ก็ยังดีที่มาขออโหสิกรรมกับผู้ตาย
โดยโอปอล ผู้ต้องหา เมื่อวานได้พูดคุยผ่านโทรศัพท์กับพ่อ ก่อนถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ ก็บอกพ่อว่าฝากดูแลแม่กับน้องดีๆ และฝากกราบศพพี่เขาแทนโอปอลด้วย เราก็เลยฝากเจ้าหน้าที่ช่วยดูแลเขาหน่อย “เพราะบางครั้งมันเพี้ยน” กลัวว่าลูกเพี้ยนและคิดมาก ซึ่งหลังจากให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเสร็จ ทางพ่อกับแม่ของผู้ต้องหาก็รีบเดินทางกลับไปทันที
ด้านนางกฤษณา กาเผือก พี่สาวของว่าที่ร้อยโทสุเทพ ผู้ตาย บอกว่า ตนเองได้บอกไปว่ามีอารมณ์หลากหลาย อัดอั้นตันใจ แต่ก็มีสติที่จะพูดและเข้าใจความเป็นพ่อแม่ ซึ่งตัวเองก็เป็นแม่คน มันทำให้เรารู้ว่าการเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์จะเป็นอย่างไร การดูแลลูกควรทำอย่างไรเข้าใจในความรักลูก ใครๆ ก็รัก ถามว่าอโหสิกรรมมั้ย “ก็พี่บอกว่า คำว่าอโหสิกรรมมันสูงไป มันบริสุทธิ์มากกับคดีแบบนี้” ยังไม่เคยเจอ ถ้าเป็นญาติพี่น้องมาขออโหสิกรรมช่วงปีใหม่นั้น เราก็ได้อโหสิกรรมปลดปล่อยด้วยความเมตตา แต่กรณีเช่นนี้มันยากทำใจอโหสิกรรม
...
โดยตนคิดว่า ตนยังไม่เข้าใกล้คำว่าอโหสิกรรมมาก ต้องเป็นคนไปบวช ต้องปฏิบัติเข้าถึง ซึ่งพี่เป็นมนุษย์ธรรมดา แต่พ่อแม่ให้โอกาสมาก็ดีแล้ว ตนจึงให้ไปขออโหสิกรรมกับน้องชายแทน โดยวิญญาณของเขาอาจจะบริสุทธิ์ ที่จะอโหสิกรรมรับรู้ได้ ไปขอกับน้องเอง
“แม่เองก็มาไม่ได้ ไม่กล้ามาเห็นลูกในสภาพนี้ และไม่ต้องไปหาแม่ของตน เพราะต้องการให้จบแค่ที่ตนเอง ไม่ต้องไปหาแม่เพราะแม่เขาก็เจ็บปวดพอแล้ว หลังจากนี้ตนก็ต้องรับภาระหน้าที่ดูแลแม่และป้าที่ป่วยติดเตียงต่อไป ซึ่งพ่อแม่ไม่ใช่ผู้ต้องหา ซึ่งตนก็แยกแยะได้ ซึ่งก็อนุญาตให้เขามาตามสิทธิ์ ซึ่งพี่ในฐานะพี่สาว และคุณป้าของลูกชาย ตนก็ทำหน้าที่เป็นคนกลาง ตนคิดว่าพี่ทำหน้าที่ตรงนี้ได้ดีแล้ว” พี่สาวของว่าที่ร้อยโทสุเทพ กล่าว
ส่วนบรรยากาศภายในงานศพนั้น ก็เป็นไปอย่างเศร้าโศก มีบรรดาญาติพี่น้องและเพื่อนของผู้ตาย ต่างเดินทางมาร่วมไว้อาลัยและจัดบอร์ดไว้อาลัยครั้งสุดท้ายให้กับผู้ตาย โดยได้นำรูปภาพของผู้ตายขณะที่เรียนหนังสือและเป็นเทรนเนอร์ รวมทั้งการปั่นจักรยานเสือภูเขามาติดที่บอร์ด ซึ่งพิธีฌาปนกิจผู้ตายนั้น จะมีขึ้นในวันเสาร์ช่วงบ่ายที่สุสานในหมู่บ้าน
...