"ขอนแก่น" ตำรวจเตรียมนำตัว "หลานคลั่งโหด" ส่งศาลดำเนินคดี หลังก่อเหตุฆ่าตัดคอตาตัวเอง ญาติเผยผู้ต้องหาป่วยทางจิต แต่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เชื่อเสพยาบ้าจนหลอน-ก่อเหตุสยอง 

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 4 ก.ค. 67 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ สภ.หนองเรือ เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีกับ นายธีรภัทร หรือไอซ์ ชัยอาจ อายุ 23 ปี หลังก่อเหตุใช้มีดปาดคอและตัดหัว นายสาย ชัยอาจ อายุ 86 ปี ผู้เป็นตาจนเสียชีวิตคาเก้าอี้ ภายในกระท่อมที่นาในพื้นที่บ้านป่าเสี้ยว ต.บ้านเม็ง อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น เมื่อช่วงเย็นวันที่ 3 ก.ค. 67 ที่ผ่านมา

ที่โรงพักผู้สื่อข่าวได้พบกับ นางบัวสวรรค์ นิลคีรี อายุ 47 ปี มารดาผู้ต้องหา ซึ่งเดินทางมาเยี่ยมลูกชายที่ถูกคุมขังในห้องควบคุม และต้องเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน โดยที่ นางบัวสวรรค์ เปิดเผยว่า ลูกชายติดยาเสพติดและเสพยาบ้ามาตั้งแต่ช่วงเป็นวัยรุ่น จนมีอาการทางประสาท เพราะกระโดดใช้ศีรษะพุ่งชนผนัง จากนั้นก็นำลูกชายเข้ารักษาอาการป่วยทางจิตเวชมาโดยตลอด รับยามากินอย่างต่อเนื่องกว่า 5 ปีแล้ว ที่ผ่านมาลูกชายก็อาศัยอยู่ทั้งที่บ้านและที่นา เพราะมีบ้านอีกหลังอยู่ที่ที่นา ซึ่งอยู่ห่างจากกระท่อมนาของตาประมาณ 20 เมตร แต่ระยะหลังลูกชายไปอาศัยอยู่ที่นา และช่วยนำข้าวนำอาหารไปส่งให้ตา ช่วยตาเกี่ยวหญ้าเลี้ยงควาย ซึ่งลูกชายกับตาไม่เคยมีปัญหากัน ตาเลี้ยงหลานมาตั้งแต่แบเบาะ

"ส่วนสาเหตุที่ลูกชายฆ่าตัดคอผู้เป็นตานั้น ตนไม่ทราบจริงๆ เพราะที่ผ่านมาตนเป็นคนจัดยารักษาอาการป่วยทางจิตเวชให้ลูกชายกินมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดหมดลดยาให้จากกิน 1 เม็ด เหลือครึ่งเม็ด แต่ช่วง 4 วันที่ผ่านมา ก่อนเกิดเหตุลูกชายมีอาการเปลี่ยนไป แต่ไม่ผิดปกติ เพราะไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ครอบครัวหรือชาวบ้าน แต่ก็เชื่อว่าลูกชายยังแอบเสพยาบ้า โดยในช่วงที่ตนเข้าเยี่ยมลูกชายนั้น สังเกตว่าลูกชายยังมีอาการตาลอย ถามคำตอบคำ ตนจึงบอกลูกชายไปแล้วว่าตาตายแล้วลูกชายก็ถามกลับมาว่าตาตายแล้วเหรอ ซึ่งดูเหมือนลูกชายยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนฆ่าตากับมือ จึงบอกลูกชายอีกว่า เลือดที่มือของลูกก็เป็นเลือดของตา ลูกชายก็นั่งตาลอยและไม่รับรู้อะไรอีก" แม่ผู้ต้องหากล่าว

...

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาออกจากห้องควบคุมเพื่อไปให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวน ผู้สื่อข่าวจึงถามถึงสาเหตุของการลงมือฆ่า ผู้ต้องหาตอบสั้นๆว่า "นอนในห้องขัง นอนไม่หลับทั้งคืน และฟันคอตา แต่ไม่รู้ว่าฟันทำไม"

ด้าน พ.ต.อ.ประทีป ปัญโญภาส ผกก.สภ.หนองเรือ กล่าวว่า หลังตำรวจรับแจ้งเหตุ ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ และควบคุมตัวผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นหลานชายแท้ๆ ของผู้ตาย เบื้องต้นสารภาพว่าใช้มีดอีโต้ฟันคอตาตัวเองจริง จึงแจ้งข้อหา "ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา" จากนั้นจึงนำตัวเข้าห้องควบคุม แล้วให้เจ้าหน้าที่เฝ้าดูตลอดเวลา จากนี้ทางทางตำรวจจะทำการสอบสวนผู้ต้องหาเพิ่มเติม พร้อมสอบปากคำแม่ผู้ต้องหา และจะส่งศาลจังหวัดชุมแพเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งในเบื้องต้นได้ทำการตรวจสารเสพติดในร่างกายผู้ต้องหาแล้ว แต่ไม่พบ

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้าน นายสาย (ผู้ตาย) พบญาติๆ และเพื่อนบ้านกำลังช่วยกันจัดเตรียมสถานที่รอรับศพ ซึ่งยังอยู่ที่โรงพยาบาล โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ นางอบ ชัยอาจ อายุ 74 ปี ภรรยาผู้ตาย เล่าว่า ผู้ตายเลี้ยงหลานชายมาตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบัน ส่วนสาเหตุที่หลานฆ่าตานั้นเชื่อว่าเกิดจากหลานเสพยาเสพติด เพราะหลังจากรักษาอาการจิตเวช หลานชายก็ยังยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอยู่ โดยก่อนเกิดเหตุประมาณ 4 วัน หลานชายเดินไปเดินมาทั้งวันทั้งคืน แม่จัดยาให้กิน แต่ไม่เหมือนเดิม เพราะแม่ค้าขายจึงไม่มีเวลาดูแล กระทั่งเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ส่วนตัวเชื่อว่าสาเหตุมาจากการเสพยาเสพติด เพราะก่อนที่หลานจะลงมือฆ่าตานั้นตนรู้มาว่าหลายชายเพิ่งได้โทรศัพท์มา 1 เครื่อง แต่ไม่ทราบว่าของใคร คาดว่าเอาโทรศัพท์ไปแลกกับยาบ้า ได้ยามาเสพและก่อเหตุดังกล่าวขึ้น

ขณะที่ นายทองสุข และนางขันทอง ชินสุทธิ สองสามีภรรยาที่มีบ้านพักอยู่ใกล้กับกระท่อมหลังเกิดเหตุ และมีศักดิ์เป็นญาติกับครอบครัวผู้ตาย เปิดเผยว่า ไม่ทราบว่าการก่อเหตุครั้งนี้มาจากยาเสพติดหรือไม่ เพราะทราบมาว่าตลอดระยะเวลาที่ผู้ก่อเหตุรักษาอาการทางจิตนั้นรับประทานยามาตลอด แต่ยังมีพฤติกรรมเสพยาบ้าอยู่ โดยทราบว่าผู้ก่อเหตุจะเดินเข้าไปขอยาบ้าจากเพื่อนๆ ในหมู่บ้านมาเสพ จนเริ่มมีอาการหลอน แล้วคิดไปเองว่ามีคนมาด่ามาว่าตัวเอง

"ก่อนทราบเหตุดังกล่าวช่วงบ่ายๆ วันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา พ่อเลี้ยงของผู้ก่อเหตุได้เดินมาที่บ้าน บอกว่าเห็นผู้ก่อเหตุหิ้วศีรษะผู้เป็นตาไปว่างที่แคร่ข้างบ้าน จึงบอกให้หิ้วหัวไปคืนที่ร่างตา เมื่อผู้ก่อเหตุเดินกลับไป ไม่นานผู้ก่อเหตุก็เดินมาที่บ้านเพื่อขอบุหรี่สูบ ในสภาพไม่สวมเสื้อ ที่มือเปื้อนเลือด แล้วบอกว่าเขาฟันคอตาขาด และบอกให้แจ้งตำรวจมาจับตัวเขา พวกตนจึงรีบโทรศัพท์แจ้งญาติพี่น้องและแจ้งผู้ใหญ่บ้าน จากนั้นตำรวจก็เข้ามาควบคุมตัว ซึ่งผู้ก่อเหตุไม่มีท่าทีขัดขืนแต่อย่างใดเลย" ญาติผู้ตายกล่าว.