"กัน จอมพลัง" พาหญิงสาว ผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับสามีตำรวจยศ ส.ต.ต. อารมณ์ร้อน ชอบทำร้ายร่างกาย ถึงขั้นเอาปืนตบหน้า เคยแจ้งความมาแล้ว 3 ครั้ง แต่คดีไม่คืบหน้า พบพฤติกรรมใช้กัญชาและดื่มน้ำกระท่อม

เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 3 กรกฎาคม 2567 ที่ สน.บางเขน นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือกัน จอมพลัง ได้พา น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 21 ปี เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.รัตติชัย ปิยะเวช รอง สว. (สอบสวน) สน.บางเขน เพื่อดำเนินคดีกับสามี เป็นนายตำรวจยศ ส.ต.ต. อายุ 23 ปี สังกัดอยู่ในพื้นที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ในข้อหาทำร้ายร่างกาย 

กัน จอมพลัง กล่าวว่า น.ส.เอ เข้ามาร้องขอความช่วยเหลือ เมื่อถูกสามีทำร้ายร่างกายเป็นรอยช้ำตามแขน ขาและลำตัว เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้อาศัยช่วงที่จังหวะสามีหลับ ออกจากบ้านมาเพื่อติดต่อขอความช่วยเหลือกับตน ก่อนหน้านั้นทางฝ่ายสามีเคยอ้างกับ น.ส.เอ ว่า รู้จักกับภรรยาของตน แต่พอตนนำภาพของตำรวจคนนี้ไปให้ภรรยาดู ภรรยาตนบอกว่าไม่รู้จัก เป็นใครก็ไม่รู้ ทำให้รู้สึกว่า ใครมาแอบอ้างตนแบบนี้จะต้องเอาเรื่องทันที จึงได้ประสาน พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. และผู้บังคับบัญชาของนายตำรวจท่านนี้ พร้อมแจ้งความดำเนินคดีกับสามีของ น.ส.เอ และในวันพรุ่งนี้จะพา น.ส.เอ ไปพบกับผู้บังคับบัญชาของสามี 

...

“ตนขอเตือนสามีของ น.ส.เอ ว่า ให้คิดให้ดี ขอให้เลิกพฤติกรรมข่มขู่ เข้ามาพูดคุยว่า จะปรับพฤติกรรมอย่างไร”

ด้าน น.ส.เอ กล่าวว่า แต่งงานกับสามี มีการจดทะเบียนสมรสมาด้วยกัน 3 ปี มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน อายุ 9 เดือน โดยตนถูกสามีทำร้ายร่างกายเป็นประจำ เนื่องจากฝ่ายสามีเป็นคนโมโหร้าย หงุดหงิด จัดการกับอารมณ์ตัวเองไม่ได้ เคยถูกถึงขั้นเอาปืนตบหน้าต่อหน้าผู้อื่น โดยตนเคยแจ้งความมาแล้ว 3 ครั้ง แต่คดีก็ไม่มีความคืบหน้าทั้ง 3 คดี โดยฝ่ายพ่อแม่ของสามีก็เคยเข้ามาช่วยห้าม แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ 

“ที่ผ่านมาสามีใช้กัญชาและดื่มน้ำกระท่อม ตนต้องการมาแจ้งความและเพื่อขอให้นำลูกมาเลี้ยงเอง และขอให้ฝ่ายชายเลิกคุกคามกับตนอีก เลิกขู่ฆ่าพ่อแม่ตน ทุกวันนี้ตนเป็นห่วงลูก เพราะตั้งแต่คลอดออกมาลูกก็มีอาการผวา เพราะเสียงที่เขาใช้ คำพูดหยาบคายและออกอารมณ์ต่อหน้าลูก” 

จากนั้นทางพนักงานสอบสวนได้นำตัว น.ส.เอ ไปสอบปากคำถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยจะพิจารณาออกหมายเรียก ส.ต.ต.รายนี้ผู้เป็นสามีของ น.ส.เอ มารับทราบข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายต่อไป