"ร.ต.ท." ตำแหน่ง รอง สวป.สภ.โพนทอง ภ.จว.ร้อยเอ็ด เข้าแจ้งความแล้ว กรณีเข้าห้ามวัยรุ่นทะเลาะกัน กลับโดนรุมยำคางานบุญบั้งไฟ แบบไม่เกรงใจเครื่องแบบ ขณะที่ ผกก.ยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด พร้อมเตรียมเรียกเจ้าของค่ายบั้งไฟมารับทราบข้อกล่าวหา
จากเหตุบั้งไฟแสนระเบิดภายในงานประเพณีบุญบั้งไฟเป็นงานประจำปี 2567 จัดขึ้นภายในวัดพระธาตุอุปมุง บ้านสร้างบุ ต.โพธิ์ศรีสว่าง อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด ทำให้ชาวบ้านมาร่วมงานได้รับบาดเจ็บ 38 คน แยกเป็นชาย 34 คน หญิง 4 คน ส่วนใหญ่มีแผลและรอยไหม้ตามลำตัว มีผู้บาดเจ็บอาการสาหัส 4 ราย เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยนำส่งโรงพยาบาลร้อยเอ็ด และโรงพยาบาลโพนทอง เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 16 มิ.ย.
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2567 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยัง สภ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด เพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดี สอบถาม พ.ต.อ.เกียรติปกรณ์ รวมวงศ์ ผกก.สภ.โพนทอง เปิดเผยว่า ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน โดยมี รอง ผกก.สอบสวน เป็นหัวหน้าชุด เนื่องจากมีความเสียหายมาก ทำให้พยานหลักฐานมีจำนวนมาก ณ วันนี้ก็ได้รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อจะเรียกตัวเจ้าของค่ายบั้งไฟที่ระเบิดเข้ามารับทราบข้อกล่าวหา ในข้อหา ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัย ในงานประเพณีบุญบั้งไฟดังกล่าว แล้วพบการก่อเหตุทะเลาะวิวาท หลังบั้งไฟระเบิด จึงเข้าไประงับเหตุ แล้ว ร.ต.ท.ประคอง หนองภักดี รอง สวป.สภ.โพนทอง ถูกกลุ่มวัยรุ่นทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บตามร่างกายและหนักสุดที่เบ้าตาขวาบาดเจ็บ ซึ่งทางด้าน พ.ต.อ.เกียรติปกรณ์ รวมวงศ์ ผกก.สภ.โพนทอง ได้เรียกผู้บาดเจ็บเข้าพบและสอบถามข้อเท็จจริง
...
ซึ่งตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ รายงานเหตุว่า ขณะเข้ารักษาความปลอดภัย ในบริเวณจุดบั้งไฟ และหลังจากการเกิดระเบิดขึ้น ก็เข้าควบคุมสถานการณ์ แล้วพบว่ามีกลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุ ทะเลาะวิวาทจึงเข้าห้ามปราม กลับถูกกลุ่มวัยรุ่นหันมารุมทำร้ายร่างกาย จนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว โดยไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุใดๆ ซึ่งตนเองรู้จักกับวัยรุ่นคนก่อเหตุ ทำร้ายร่างกายชกที่ตาของตนเป็นอย่างดี ซึ่งตอนนี้ได้มีการแจ้งความดำเนินคดี ไว้แล้วที่สถานีตำรวจที่ตนเองปฏิบัติหน้าที่อยู่
พ.ต.อ.เกียรติปกรณ์ รวมวงศ์ ผกก.สภ.โพนทอง กล่าวว่า จากการเรียกสอบข้อเท็จจริง มีข้อมูลชัดเจนว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจรายดังกล่าวไปเพื่อรักษาความปลอดภัยในงานประเพณีบุญบั้งไฟ ตามที่ได้รับการร้องขอจากท้องถิ่น และเชื่อมั่นได้ว่า ผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ได้มีการทำเกินเลย เกินกว่าเหตุ ซึ่งเรื่องนี้ ถือเป็นการกระทำความผิดที่ชัดเจน จะมีการเรียกตัวผู้ก่อเหตุ รวมทั้งเด็กในกลุ่มทุกคนมาสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งหากเป็นการกระทำความผิด ทำร้ายเจ้าหน้าที่ขณะที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย ก็จะมีการดำเนินคดีให้ถึงที่สุด โดยไม่มีการละเว้นในพฤติกรรมที่เป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดี ตามความผิดตามกฎหมายต่อไปจนถึงที่สุด
โดยผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านพักของ ร.ต.ท.ประคอง หนองภักดี (ผู้บาดเจ็บ) ตำแหน่ง รอง สวป.สภ.โพนทอง เล่าว่า ตอนแรกเกิดเหตุบั้งไฟระเบิด พวกตนและตำรวจประมาณ 10 นาย ก็อยู่ข้างเวทีหมอลำซิ่ง พอได้ยินประกาศว่าบั้งไฟระเบิด ตนและเพื่อนตำรวจที่มาด้วยกัน จึงไปช่วยอำนวยความสะดวกการจราจรให้กับรถกู้ชีพช่วยลำเลียงคนเจ็บ ช่วยชาวบ้านขึ้นรถพยาบาลจนแล้วเสร็จ พวกตนจึงได้แยกย้ายกันจะกลับบ้าน
“ระหว่างเดินทางไปเอารถยนต์ส่วนตัว ซึ่งตนห่างจากรถก็ประมาณ 50 เมตร จู่ๆ ก็มีกลุ่มวัยรุ่นนับสิบคน วิ่งไล่กันมาจากด้านหลัง ตนไม่รู้หรอกว่าจะมีเรื่องกับใคร ตนเลยห้ามบอกว่า อย่ามีเรื่องกัน เพราะว่างานเลิกแล้ว แต่หลังจากพูดเสร็จ ก็มีวัยรุ่นชายกรูเข้ามาต่อยที่เบ้าตาขวาตน พอตนล้มลงก็โดนเตะซ้ำอีกหลายครั้ง จนมีผู้ใหญ่บ้านและะกลุ่มผู้นำชุมชนเข้ามาช่วยเหลือไว้”
เบื้องต้น ตนได้นำหลักฐานใบรับรองแพทย์ เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งคาดว่าอาจจะเป็นวัยรุ่นในพื้นที่ เพราะดูจากเสื้อสีแดง ซึ่งเป็นเสื้อของกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ที่มาร่วมงานจุดบั้งไฟ ซึ่งคาดว่าจะตามตัวไม่ยาก ตนก็ขอความเป็นธรรม อยากให้ตำรวจเร่งดำเนินการให้ถึงที่สุด เพราะตนรู้สึกเสียเกียรติและศักดิ์ศรีที่ถูกตีขณะปฏิบัติหน้าที่ จนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งทางคดีเบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ออกหมายเรียกวัยรุ่นกลุ่มผู้ก่อเหตุ มาสอบปากคำเพิ่มเติม ก่อนดำเนินการตามกฏหมายต่อไป