"ตำรวจสืบสวนภาค 1" ตามรวบผู้ต้องหานำมือถือเข้าทัณฑสถานบำบัดพิเศษพระนครศรีอยุธยา เหลืออีก 1 วัน คดีจะหมดอายุความ นาทีเจอหมายจับถึงกับพูดว่า "โธ่พี่อีกวันเดียวเอง"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.00 น. เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2567 พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พ.ต.อ.ประธาน นันทกอบกุล รอง ผบก.สส.ภ.1, พ.ต.อ.วิทิต จันทร์เอี่ยม รอง ผบก.สส.ภ.1, เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สส.ภ.1 ได้ร่วมกันจับกุมนายสำราญ ปกเกล้า อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2 ถนนเจริญกรุง แขวงพระบรมราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ 114/2558 ข้อหานำเข้าหรือครอบครองเก็บรักษาไว้หรือใช้ในเรือนจำหรือรับจากหรือส่งมอบแก่ผู้ต้องขัง ซึ่งสิ่งของต้องห้ามโดยทางใดๆ
สามารถจับกุมตัวได้ที่ วัดประเสริฐสุทธาวาส แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ
การจับกุมสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 57 เจ้าหน้าที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษพระนครศรีอยุธยาได้ตรวจค้นผู้ต้องขังก่อนขึ้นเรือนนอน พบโทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง ซิมการ์ด จำนวน 1 อัน สายชาร์จ จำนวน 1 อัน และสายหูฟัง จำนวน 1 อัน ซึ่งซุกซ่อนไว้ในกางเกงในของผู้ต้องหา ซึ่งให้การรับสารภาพว่า นายสำราญ เป็นคนนำมาส่งให้
เจ้าหน้าที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษพระนครศรีอยุธยาจึงได้แจ้งความดำเนินคดี และศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ออกหมายจับ นายสำราญ ภายในอายุความ 10 ปี ตั้งแต่วันทึ่ 18 มิ.ย. 57 ถึง 18 มิ.ย. 67 ซึ่งเหลืออีก 1 วัน จะหมดอายุความ
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภาค 1 ได้สืบทราบว่า นายสำราญ ปกเกล้า ผู้ต้องหาตามหมายจับได้หลบหนีมาอยู่บ้านพ่อ ซอยประชาอุทิศ 15 แขวงราษฎร์บูรณะ เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ และขับรถสามล้อรับจ้าง (กระป้อ) และขายเต้าหู้นมสด เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้วางแผนปลอมตัวเป็นลูกค้าสั่งซื้อเต้าหู้นมสดจาก นายสำราญ ให้มาส่งที่ วัดประเสริฐสุทธาวาส แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ ก่อนเข้าแสดงหมายจับ นายสำราญ ถึงกับพูดออกมากับตำรวจชุดจับกุมว่า “โธ่พี่อีกวันเดียวเอง”
...
หลังจากนั้นตำรวจได้ควบคุมตัว นายสำราญ ส่งพนักงานสอบสวนสภ.พระนครศรีอยุธยา ดำเนินคดี.