ตำรวจไซเบอร์เดินสายกวาดล้างเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกหญิงสูงวัย ชาวจังหวัดกาญจนบุรี มีฐานะดี เคยทำงานที่อเมริกา โทรอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ขู่พัวพันการฟอกเงิน ก่อนลวงให้โอนเงินมาตรวจสอบ เหยื่อหลงเชื่อ โอนไป 115 ครั้ง รวมความเสียหายกว่า 200 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2567 พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. สั่งการให้ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 พ.ต.อ.พิเชียรยศ อรุณพันธกุล ผกก.1 บก.สอท.1, พ.ต.ท.ภานุวัฒน์ กาละศรี สว.กก.1 บก.สอท.1 นำกำลังพร้อมหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 292/2567 ลงวันที่ 29 มีนาคม 2567 เข้าจับกุมตัว นายสมบัติ แก้วมณี อายุ 31 ปี ชาว จ.ปทุมธานี ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด”
พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับคดีนี้สืบเนื่องจาก มีผู้เสียหายเป็นหญิงสูงวัย ชาวจังหวัดกาญจนบุรี มีฐานะดี อดีตเคยทำงานในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการผู้ขายของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ในสหรัฐอเมริกา ถูกกลุ่มคนร้ายอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ โทรมาหลอกลวงว่ามีชื่อผู้เสียหายเป็นผู้กระทำความผิดฐานฟอกเงินและข่มขู่ให้ผู้เสียหายโอนเงินเพื่อตรวจสอบ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไปบัญชีกลุ่มคนร้ายถึง 115 ครั้ง รวมความเสียหายกว่า 200 ล้านบาท
...
ต่อมาทางชุดสืบสวน กก.2 บก.สอท.2 จึงทำการสืบสวนแกะรอยหาผู้ร่วมขบวนการ จนทราบว่ามีผู้ที่เกี่ยวข้องรวมทั้งหมด 76 คน ทำหน้าที่เปิดบัญชีม้า กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลจังหวัดนนทบุรี ออกหมายจับทั้งหมด 69 หมายจับ มามอบตัวตามหมายเรียก 7 คน โดยมีนายสมบัติ หนึ่งในผู้ร่วมขบวนการของแก๊งหลอกลวงกลุ่มนี้ ที่เปิดบัญชีม้า รองรับการโอนเงินเข้าบัญชี ทางตำรวจไซเบอร์ จึงเปิดปฏิบัติการ "SAVIN GOOD MAN" ทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โทรข้ามโลกหลอกเหยื่อ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ออกติดตามจับกุมตัวได้แล้วทั้งหมด 40 คน และอยู่ระหว่างการติดตามตัวอีก 29 คน โดยติดตามตัวนายสมบัติได้ในพื้นที่ย่านคลองสิบสอง เขตหนองจอก กทม.
พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวอีกว่า จากการสอบปากคำ นายสมบัติให้การยอมรับว่า เมื่อช่วงปลายปี พ.ศ. 2566 ตนได้สมัครงานออนไลน์ผ่าน Facebook และได้มีผู้ติดต่อมาเสนองานให้ทำ มีเงินเดือน 8,000-12,000 บาท ต่อมาได้มีรถมารับตนจากพื้นที่คลองแปด อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เพื่อไปทำงานที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยลักลอบข้ามชายแดนผ่านช่องทางธรรมชาติบริเวณ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
เมื่อไปถึงบริเวณชายแดน นายหน้าได้พาเข้าโกดังแห่งหนึ่งแล้วเดินทะลุออกด้านหลังไปสู่ริมลำน้ำสายคลองลึก จากนั้นได้พาข้ามแม่น้ำด้วยโป๊ะโฟมลูกรอกไปยังที่หมาย เป็นอาคารสูง 25 ชั้น ในปอยเปต ติดชายแดนประเทศไทย โดยตนได้ทำงานในที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ประมาณ 6 เดือน และถูกบังคับให้พักอาศัยอยู่แค่ในสถานที่ที่จัดให้
โดยทำหน้าที่เปิดบัญชีธนาคารแล้วสแกนใบหน้าในกรณีโอนเงินจำนวนสูงหรือเกิน 5 หมื่นบาท เพื่อโอนเงินต่อไปยังบัญชีอื่น ซึ่งได้ค่าจ้างเปิดบัญชี 4,000 บาท และค่าสแกนใบหน้าวันละ 1,000 บาท หรือเพิ่มขึ้นตามยอดจำนวนเงินที่ผ่านบัญชีเข้ามา ก่อนได้ตัดสินใจหลบหนีออกมาจากสถานที่ดังกล่าว กลับเข้ามายังประเทศไทย ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ในที่สุด.