ปรับแผนรับตัว “แป้ง นาโหนด” กลับไทย ยกเลิกส่งเครื่องบินกองทัพอากาศไปรับ เปลี่ยนเป็นตำรวจอินโดนีเซียเช่าเหมาลำเครื่องบินพาณิชย์มาส่งให้เองถึงเมืองไทย ลงสนามบินนครศรีธรรมราชตามกำหนดเดิม 4 มิ.ย. ตำรวจเมืองคอนระดมกำลังพร้อมรับเต็มพิกัด จัดรถตู้พร้อมขบวนรถคุ้มกันแน่นหนาจากสนามบินไปโรงพัก สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ล้างคุกรอขังเดี่ยว มีทั้งกำลังตำรวจและกล้องวงจรปิดคุมเข้มไม่ให้คลาดสายตาตลอด 24 ชม. หลังขั้นตอนสอบสวนแจ้งข้อหาแล้วนำไปฝากขังศาล ก่อนส่งเข้าเรือนจำให้ราชทัณฑ์พิจารณาจะเอาไปขังที่ไหน นายกฯยันทุกอย่างดำเนินการตามกฎหมาย ชื่นชมรัฐบาลอิเหนาให้ความร่วมมือดีมาก

ทางการไทยเตรียมพร้อมรับตัวนายเชาวลิต ทองด้วง อายุ 37 ปี หรือ “แป้ง นาโหนด” นักโทษแสบที่หลบหนีจากการควบคุมของเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ขณะเข้ารักษาตัวที่ รพ.มหา ราชนครศรีธรรมราช ไปถูกจับกุมที่ประเทศอินโดนีเซีย จะส่งกลับไทยในวันที่ 4 มิ.ย. หลังจาก พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม นำคณะเดินทางไปประสานงานกับทางการอินโดฯ ได้พูดคุยกับนายเชาวลิต ยังยิ้มระรื่นไม่เครียด ยอมรับผิดทุกอย่างให้เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย ยันไม่เกี่ยวข้องยาเสพติด แต่ไม่ขอบอกใครช่วยเหลือพาหลบหนี

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 3 มิ.ย. ที่ท้องสนามหลวง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ว่า ได้รายงานนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ถึงการรับตัวนายเชาวลิต ทองด้วง หรือแป้ง นาโหนด กลับประเทศไทยว่า ทางอินโดนีเซียแจ้งว่าสามารถรับตัวได้ตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย. แต่บังเอิญขาดเรื่องเอกสาร ทั้งหมดนี้ถือเป็นความเข้มแข็งขององค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ หรืออินเตอร์โพล อินโดนีเซียยังแจ้งว่าสามารถนำตัวนายเชาวลิต มาส่งให้ประเทศไทยได้ตามระบบกฎหมายของอินโดนีเซีย ดังนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จะประชุมว่าจะใช้ช่องทางไหนได้ แต่ในหลักการคือวันที่ 4 มิ.ย. นายเชาวลิตควรมาถึงเมืองไทยแล้ว และเนื่องจากเป็นกรณีแรกที่หนีการควบคุมจากเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช โดยหลักการเมื่อตำรวจสอบสวนเสร็จและแจ้งข้อหาแล้ว ต้องนำไปขัง ณ ศาลที่เกิดเหตุ เพราะสำนวนยังไม่ได้โอนมา หลังจากนั้นเป็นเรื่องของอธิบดีกรมราชทัณฑ์พิจารณาว่าจะนำตัวนายเชาวลิตควบคุมตัวไว้ที่ใด ขอให้ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมราชทัณฑ์ไปประชุมกันเพื่อให้มีประสิทธิภาพและไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาอีก

...

เมื่อถามว่าเป็นห่วงหรือไม่หากนายเชาวลิตกลับไป จ.นครศรีธรรมราช แล้วจะเกิดปัญหาอะไรตามมาหรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่ประเมินดู มีการประชุมกันว่าเมื่อนายชวลิตเดินทางมาถึงไทยต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง เพื่อให้ไปด้วยความเรียบร้อย เป็นเรื่องการนำตัวคนผิดมาฟ้องและลงโทษ เมื่อถามต่อว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะนำตัวมาดำเนินคดีในกรุงเทพฯ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า คดียังไม่ได้โอนมาที่ส่วนกลาง ดังนั้นต้องมีการสอบสวนที่ จ.นครศรีธรรมราช และ จ.พัทลุง ต้องมีการอายัดตัว แต่จากการฝากขังครั้งที่ 1 ครบ 48 ชั่วโมงแล้วเมื่อศาลอนุมัติฝากขัง ศาลฎีกามีระเบียบว่าฝากขังครั้งต่อไปสามารถปรากฏตัวทางออนไลน์ได้ ก็อาจนำไปขังที่อื่น เดิมเป็นความคิดของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ที่อยากนำตัวมาไว้ที่กรุงเทพฯ แต่ตนบอกว่าต้องประชุมกันให้ดี

รมว.ยุติธรรม ย้ำว่าทุกขั้นตอนต้องพิจารณาแนวทางที่ดีที่สุด แต่สิ่งที่สำคัญคือต้องปฏิบัติตามกฎหมายโดยนำตัวผู้กระทำความผิดมาฟ้องร้องและลงโทษ เรื่องนี้ความจริงไม่ใช่เรื่องที่จะต้องน่าดีใจ เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิด แต่เมื่อเกิดแล้วต้องไปตรวจสอบว่าเป็นอย่างไร หนีไปอย่างไร หรือมีความเกี่ยวข้องกับใคร มีผู้บงการ ผู้ใช้ หรือผู้ช่วยเหลืออย่างไร และกรณีที่นายเชาวลิตออกมาร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากสื่อ แม้ว่าจะไม่ใช่พยานหลักฐานใหม่ แต่บุคคลที่เขาอ้างอิงถ้าไปสอบสวนแล้วมีความผิดก็จะเป็นหลักฐานใหม่ ฉะนั้นขอให้ทำหน้าที่ตรงนี้ก็แล้วกัน

ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการจับกุมนายเชาวลิต ทองด้วง หรือแป้ง นาโหนด ว่า เท่าที่ทราบจะนำตัวเดินทางกลับมาในวันที่ 4 มิ.ย. ทุกอย่างปล่อยไปตามกระบวนการของกฎหมาย ที่ผ่านมาดำเนินการถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ตามสิทธิที่พึงจะได้รับเพราะผู้ต้องหาก็ไม่ได้มีการต่อสู้ เข้าใจว่าเขายอมกลับมา ทั้งนี้ ทางการอินโดนีเซียให้ความร่วมมือกับทางการไทยดีมาก

ที่ห้องประชุม TOC ชั้น 20 ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเวลา 15.00 น. มีการปรับแผนการรับตัวนายเชาวลิต จากเดิมที่เตรียมจะส่งเครื่องบิน C-130 ของกองทัพอากาศไปรับตัวจากประเทศอินโดนีเซียกลับไทย เปลี่ยนเป็นทางการอินโดนีเซียนำตัวนายเชาวลิตขึ้นเครื่องบินมาส่งให้เองถึงเมืองไทย พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. รรท.รอง ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานการประชุม zoom meeting เตรียมความพร้อมรับตัวนายเชาวลิต ทองด้วง หรือแป้ง นาโหนด ว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร. มีความห่วงใยในการปฏิบัติหน้าที่ มอบหมายให้ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมการรับตัวผู้ต้องหาคนสำคัญที่ตำรวจสากลของอินโดนีเซียจะส่งมอบตัวให้วันที่ 4 มิ.ย.เวลา 14.00 น.

พล.ต.ท.ประจวบเผยต่อไปว่า ทางการอินโดนีเซียจะนำตัวนายเชาวลิตขึ้นเครื่องบินเดินทางจากอินโดนีเซียมาส่งที่สนามบินนานาชาตินครศรีธรรมราช จากนั้นเจ้าหน้าที่กองการต่างประเทศของประเทศไทย ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 จัดกำลังในการมอบตัว และดำเนินการตามขั้นตอนการเข้าเมืองของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง พนักงานสอบสวนจะแจ้งข้อหาที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จากนั้นจะนำไปฝากขัง และเป็นขั้นตอนของกรมราชทัณฑ์ว่าจะคุมขังที่ไหนอย่างไร ส่วนดาบตำรวจหญิงที่ให้ความช่วยเหลือนายเชาวลิตถูกดำเนินคดีไปแล้ว

...

รรท.รอง ผบ.ตร.กล่าวต่อไปว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กำชับกรมราชทัณฑ์ให้ดำเนินการอย่างปลอดภัยและคุ้มค่า เนื่องจากนายเชาวลิตมีพฤติกรรมเคยหลบหนีมาก่อน เป็นเรื่องของกรมราชทัณฑ์ว่าจะนำตัวไปขังที่ไหน ขั้นตอนการสอบสวนหลังจากพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาผู้ต้องหาเรียบร้อยแล้วจะนำตัวไปฝากขัง และเรือนจำกลางนครศรีธรรม ราชจะพิจารณาเองว่าจะคุมขังที่นั่นหรือจะคุมขังที่ส่วนกลาง วันนี้ ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราชเข้าร่วมประชุมด้วย หากพิจารณาแล้วเห็นว่าการคุมขังที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราชไม่ปลอดภัยจะพิจารณาย้ายไปที่ไหน และขอกำลังตำรวจก็พร้อมให้ความร่วมมือ ตำรวจภูธรภาค 8 เตรียมแผนจัดวางกำลังไว้แล้ว

พล.ต.ท.ประจวบกล่าวอีกว่า เอกสารการส่งตัวเรียบร้อยแล้ว วันนี้ได้ตรวจสอบอีกครั้งว่าแต่ละหน่วยมีอะไรที่ยังไม่เรียบร้อย หรือจะให้ดำเนินการแก้ไขอย่างไร ที่ผ่านมา รมว.ยุติธรรม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และตน ได้ประสานงานกับตำรวจอินโดนีเซีย และ รมว.ยุติธรรม ได้ขอบคุณรัฐบาลอินโดนีเซียที่ให้ความร่วมมือและจับกุมผู้ต้องหาให้กลับไทยในครั้งนี้

ด้าน พล.อ.ต.บุญเลิศ อันดารา โฆษกกองทัพอากาศ เผยว่า กองทัพอากาศได้รับแจ้งจากกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้ใช้บริการเครื่องบินของกองทัพอากาศแล้ว เนื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติอินโดนีเซียจะนำตัวนายเชาวลิต หรือแป้ง นาโหนด ผู้ต้องหามาส่งให้กับทางการไทยในวันที่ 4 มิ.ย. ใช้เครื่องบินพาณิชย์ของอินโดนีเซียแทน เป็นเครื่องบินเช่าเหมาลำบินมาลงที่สนามบินนานาชาตินครศรีธรรมราชโดยตรง

...

ที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ช่วงเช้าวันเดียวกัน พ.ต.อ.กิตติชัย ไกรนรา ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เรียกประชุมนายตำรวจชุดต่างๆเพื่อวางแผนเตรียมความพร้อมในการรับตัวนายเชาวลิต ทองด้วง หรือแป้ง นาโหนด ที่มีกำหนดการนำตัวจากประเทศอินโดนีเซียมาลงที่สนามบินนานาชาตินครศรีธรรมราช ในวันที่ 4 มิ.ย. มีการวางแผนแบ่งหน้าที่กันตั้งแต่รับตัวนายเชาวลิตขณะลงจากเครื่อง นำขึ้นรถตู้เดินทางมายัง สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ดำเนินการขั้นตอนการสอบสวน ควบคุมตัวไว้ 1 คืนก่อนจะนำไปฝากขังต่อศาลในวันรุ่งขึ้น

ภายหลังการประชุมอย่างเคร่งเครียดนานกว่า 2 ชม. พ.ต.อ.กิตติชัยเผยว่า ขณะนี้เตรียมความพร้อมไว้หมดแล้ว มีกำลังตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบพร้อมอาวุธครบมือกว่า 100 นาย เสริมด้วยกำลังตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษ “ราชเดช” ของ บก.ภ.จ.นครศรี ธรรมราช อุปกรณ์พันธนาการต่างๆ และเตรียมเอกสารหมายจับไว้แล้ว คาดว่าจะไม่มีปัญหาอะไร สั่งการให้ตำรวจที่รับผิดชอบเร่งทำความสะอาด

ห้องขัง สภ.เมืองนครศรีธรรมราชแล้ว จะแยกตัวนายเชาวลิตไปขังเดี่ยวไม่ให้ปะปนกับผู้ต้องขังรายอื่นๆ เตรียมกำลังตำรวจ 5 นาย เฝ้าตลอด 24 ชม. และในห้องขังจะมีกล้องวงจรปิดกว่า 10 ตัว เฝ้าจับตาดูความเคลื่อนไหวตลอดเวลา รวมทั้งคุมเข้มเรื่องอาหารการกิน จัดกำลังตำรวจเข้าไปให้อาหารและเครื่องดื่มโดยเฉพาะ ห้ามคนนอกหรือญาตินำอาหารมาให้เด็ดขาด จนกว่าการดำเนินการของตำรวจจะเสร็จสิ้นและนำตัวไปฝากขังต่อศาลจังหวัดนครศรี ธรรมราช หลังจากนั้นจะเป็นหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ที่จะพาตัวนายเชาวลิตไปขังไว้ที่ไหนต่อไป

ต่อมาในช่วงบ่าย พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จ.นครศรีธรรมราช เดินทางไปที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เรียกประชุมตรวจความพร้อมการรับตัวผู้ต้องหาคนสำคัญ มีการซักซ้อมแผนเมื่อนายเชาวลิตมาถึงสนามบินนานาชาตินครศรีธรรมราช นำขึ้นรถตู้ที่จัดเตรียมไว้ออกจากสนามบิน มีขบวนกำลังตำรวจจากหน่วยต่างๆกว่า 100 นาย นำขบวนคุ้มกันทั้งด้านหน้าและด้านหลังเป็นขบวนยาวมุ่งหน้าไปโรงพัก สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ระยะทางประมาณ 23 กม. มีการกำหนดจุดขึ้นลงอย่างชัดเจน และหลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการด้านการสอบสวนและเอกสารการฝากขังในข้อหาหลบหนีการคุมขัง และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯแล้วจะควบคุมตัวนายเชาวลิตเข้าห้องขัง หลังจากนั้นจะคุมตัวออกจากโรงพักเดินทางไปฝากขังผัดแรกที่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ระยะทางประมาณ 3 กม. จัดกำลังตำรวจคุ้มกันเข้มตลอดเส้นทางเช่นกัน

...

พล.ต.ต.สมชายเผยว่า เตรียมกำลังตำรวจจำนวนมากนับร้อยนายไว้พร้อมแล้ว เมื่อนำตัวนายเชาวลิตมาถึงสนามบินนานาชาตินครศรีธรรมราช จะนำตัวไปยัง สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เพื่อดำเนินการสอบสวนปากคำและเอกสารต่างๆในการฝากขัง ก่อนคุมตัวไปฝากขังศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช วันนี้ได้ซักซ้อมแผนไว้พร้อมแล้ว คาดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ส่วนกำหนดการเวลาที่ชัดเจนว่าจะนำตัวนายเชาวลิตมาถึงนครศรีธรรมราชยังไม่สามารถบอกได้ แต่เตรียมความพร้อมไว้หมดแล้วไม่ต้องห่วง

ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รรท.อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวถึงขั้นตอนการดำเนินการกับคดีของนายเชาวลิต ทองด้วง หรือแป้ง นาโหนด ว่า ในส่วนของดีเอสไอมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่ได้รับมอบหมายจาก พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และทำรายงานสรุปเรียบร้อยแล้ว 3 ประเด็นคือ 1.กรณีนายเชาวลิต หลบหนีจากสถานที่คุมขังระหว่างนอนพักรักษาตัวภายนอกเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ที่ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช 2.กรณีความเกี่ยวพันกับเครือข่ายยาเสพติด และ 3.กรณีอัดคลิปวิดีโอไม่ได้รับความเป็นธรรมถูกดำเนินคดีปล้นทรัพย์ฯ ข่มขืนใจผู้อื่นฯ มีอาวุธฯ พาอาวุธไปที่สาธารณะฯ ในชั้นอัยการสั่งฟ้องนายเชาวลิต และตำรวจไม่ได้ส่งความเห็นแย้ง คดีจึงสิ้นสุด ต่อมาศาลสั่งลงโทษจำคุกจนนำไปสู่การหลบหนีออกจากโรงพยาบาล

รรท.อธิบดีดีเอสไอเผยต่อไปว่า กรณีดีเอสไอจะร่วมกับตำรวจสอบสวนขบวนการช่วยเหลือนายเชาวลิตให้หลบหนีออกนอกประเทศ หรือเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติอย่างไร ประเด็นนี้ดีเอสไอดำเนินการแล้วเสร็จรายงานส่งให้ รมว.ยุติธรรม ไปหลายเดือนแล้ว ตอนนั้นยังไม่รู้เลยว่านายเชาวลิตหลบหนีไปประเทศใด เพียงแค่รวบรวมข้อมูลเอกสารระหว่างที่ถูกตำรวจดำเนินคดีว่าใครเกี่ยวข้องช่วยเหลือบ้าง รวมทั้งมีการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ กลุ่มบุคคลที่เอากุญแจไปให้นายเชาวลิตที่โรงพยาบาลแล้ว หลังจากนี้ต้องรอ รมว.ยุติธรรม สั่งการก่อน เพราะในชั้นนี้เป็นเรื่องของตำรวจเป็นหลัก ตราบใดที่ยังไม่ได้รับโอนเป็นคดีพิเศษ แต่เราก็ต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนดูพฤติการณ์เพิ่มเติมว่าจะเข้าข่ายคดีพิเศษหรือไม่ ตำรวจจะสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องความผิดอื่นๆ และการหลบหนีที่คุมขัง ส่วนจะเกี่ยวพันเป็นขบวนการข้ามชาติหรือระหว่างประเทศหรือไม่ หากพบความผิดเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติจะมีอัยการสูงสุดเป็นผู้รับ ผิดชอบ จากนั้นต้องดูว่าจะมอบหมายให้หน่วยงานใดเป็นผู้ดำเนินการ

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่