ตำรวจเรียกสอบ “เจ๊ฟ้า ราชบุรี” พร้อมสามี หลังปล่อยเงินกู้ให้ครูผู้ช่วยแล้วไม่ได้คืน พาผัวพร้อมพวกรุมซ้อม เอารูปลงสื่อโซเชียลประจาน จนครูผู้ช่วยถูกไล่ออก และไปร้องเพจดัง ขณะ ผอ.โรงเรียน แจงไม่ใช่ครูผู้ช่วย เป็นแค่พี่เลี้ยงเด็กนักเรียน และไม่ได้ไล่ออกจากเรื่องเกิดขึ้น แต่ไม่ผ่านทดลองงาน พบประวัติแสบไม่ใช่เล่น เคยถูกแจ้งความคดีฉ้อโกง   

ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อโซเชียล “เพจดังแฉ!!! ครูผู้ช่วย กู้หนึ่งหมื่นบาท ใช้คืนตลอด โดนแก๊งเงินกู้โหด “เจ๊ฟ้า ราชบุรี” แล้วพาสามีไปทำมาร้ายร่างกาย พร้อมเอารูปประจานลงสื่อโซเชียล จนครูผู้ช่วยโดนไล่ออกแล้ว”

ล่าสุด เวลา 09.00 น. วันที่ 1 มิ.ย.67 ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองราชบุรี เดินทางไปที่บ้านพักในหมู่บ้านแห่งหนึ่งใน ต.เจดีย์หัก อ.เมือง จ.ราชบุรีซึ่งเป็นบ้านของ น.ส.ฟ้า ที่เป็นข่าวตามทวงหนี้ครูผู้ช่วย พร้อมทำร้ายร่างกายและโพสต์ประจานในโซเชียล เชิญตัว น.ส.ฟ้า และสามี มาพูดคุยสอบถามรายละเอียดที่ สภ.เมืองราชบุรี 


จากนั้น พ.ต.อ.อภิชาต พุทธบุญ ผกก.สืบสวน 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 7, พ.ต.อ.ทรงวุฒิ เจริญวิชยเดช ผกก.สภ.เมืองราชบุรี, พ.ต.ท.ชุมพล สุขภักดี สว.สส.สภ.เมืองราชบุรี, ฝ่ายปกครองจ.ราชบุรี, สืบสวนภูธรภาค 7, จนท.สืบสวนภูธร จ.ราชบุรี และชุดสืบสวนสภ.เมืองราชบุรี นำตัวทั้ง 2 ไปตรวจสอบที่บ้านพัก โดยจากการตรวจค้นภายในบ้านเบื้องต้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่ตำรวจได้ตรวจยึดรถยนต์เก๋งจำนวน 3 คัน รถจยย. 3 คัน ซึ่ง น.ส.ฟ้า และสามี อ้างว่าเป็นรถของบุคคลอื่นที่มีการนำมาจำนำไว้ เพื่อตรวจสอบที่มาของรถดังกล่าว พร้อมได้เชิญตัว น.ส.ฟ้า และสามี ไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองราชบุรี ก่อนชแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาผิด พ.ร.บ.คอมฯ ส่วนคดีทำร่วมกันทำร้ายร่างกาย ต้องให้ทางผู้เสียหายเดินทางเข้าแจ้งความก่อน ส่วนคดีที่เกี่ยวกับการปล่อยเงินกู้ก็ต้องรอผลสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง

...


น.ส.ฟ้า ได้เผยผู้สื่อข่าวว่า ยอมรับว่า เธอผิดจริงที่ไปทำร้ายร่างกาย แต่เรื่องที่บอกว่า ออกเงินกู้ปล่อยดอกเบี้ยโหดนั้น ไม่เป็นความจริง ทำถูกต้องตามกฎหมาย และแฟนก็ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจตามที่เป็นข่าว และเธอไม่ใช่ผู้มีอิทธิพล อยากแก้ข่าวให้ตำรวจด้วย เพราะเป็นการทำให้ตำรวจเขาเสียหาย เรื่องของเธอเป็นเพียงแค่เรื่องระหว่างลูกหนี้กับเจ้าหนี้เท่านั้น ซึ่งหลังให้ปากคำเรียบร้อยแล้วจะออกมาชี้แจงเรื่องจริงให้ทราบต่อไป แต่ไม่อยากให้ฟังความข้างเดียว และเสนอข่าวด้านเดียว


ต่อมาทางผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่หน้าโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในเขตเทศบาลเมืองราชบุรีซึ่งจุดเกิดเหตุ สอบถาม น.ส.แอน ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์บอกว่า ตอนนั้นอยู่คนละฝั่งกับที่เกิดเหตุ ซึ่งตอนเกิดเหตุเวลาประมาณ 10.00 น. มีคน 4 คน เป็นผู้ชาย 2 คน ผู้หญิง 2 คน และเห็นผู้เสียหายนอนฟุบอยู่ที่พื้นฟุตปาทแล้ว ส่วนคนที่ทำร้ายเป็นผู้หญิง 2 คน ส่วนผู้ชายอีก 2 คนค่อยถือกล้องถ่ายอย่างเดียว ช่วงเกิดเหตุได้มี รปภ.เข้ามาช่วยแจ้งตำรวจ ซึ่งก็ตกใจเหมือนกันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเป็นช่วงกลางวันแสกๆ แต่ต้องถือว่าโชคดีเพราะตอนนั้นไม่มีนักเรียนอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ ส่วนตัวไม่รู้จักกับผู้เสียหายและไม่รู้ว่าเป็นครูผู้ช่วยด้วยซ้ำ จึงไม่รู้ว่าทะเลาะเรื่องอะไรกัน ถึงต้องลงมือทำร้ายกันแบบนั้น


ขณะที่ ผอ.โรงเรียนได้ชี้แจงว่า ผู้เสียหายเป็นเพียงพี่เลี้ยงของโรงเรียนจริง แต่ไม่ใช่ผู้ช่วยครู และมาทำงานได้เพียง 2 สัปดาห์ อยู่ในช่วงทดลองงาน แต่ตลอดระยะเวลาที่ทำงาน 2 สัปดาห์ ผู้เสียหายมีปัญหาเกี่ยวกับการทำงาน เช่น มาสาย ลาไม่เซ็นชื่อทำงาน ทาโรงเรียนพยายามให้เวลาปรับตัว แต่ให้เวลามาเป็นระยะเวลาพอสมควร ทางโรงเรียนจึงพิจารณาว่า ผู้เสียหายไม่เหมาะกับการทำงานพี่เลี้ยง จึงแจ้งว่าไม่ผ่านการทดลองและให้หยุดมาปฏิบัติหน้าที่ 1 มิ.ย.67 และให้มารับเงินค่าตอบแทนในช่วงทดลองงาน ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับวันที่เกิดเหตุ คือวันที่ 31 พ.ค.67 


ผอ.กล่าวด้วยว่า ทางโรงเรียนมีระบบการรับสมัครบุคลากร ด้วยการสแกนประวัติก่อนทุกคน เพื่อความปลอดภัยของเด็กนักเรียน และเพื่อความโปร่งใสในโรงเรียน เช่นเดียวกับผู้เสียหายซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบประวัติต่างๆ จึงไม่รู้ว่าผู้เสียหายเคยไปทำอะไรที่ไหนมาบ้าง ส่วนประเด็นที่ว่าพอเกิดเหตุแล้ว ทางโรงเรียนได้ไล่ผู้เสียหายออกนั้น ไม่เป็นความจริง ทางโรงเรียนแจ้งให้ผู้เสียหายทราบก่อนแล้ว ไม่ผ่านการทดลองงาน เพราะเรื่องเกี่ยวกับการทำงาน ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเหตุเกิดนอกพื้นที่โรงเรียน แต่ได้ให้ทาง รปภ.เข้าช่วยเหลือและยังโทรแจ้งตำรวจ พร้อมแนะนำให้ผู้เสียหายไปแจ้งความที่โรงพัก แต่ผู้เสียหายไม่ยอมไปแจ้งความเอง


ต่อมาผู้สื่อข่าว ได้เช็กประวัติผู้ก่อเหตุ นายเชิดชัย หรือเต๊ก และ น.ส.จันทร์จิรา หรือ ฟ้า ตรวจสอบประวัติ น.ส.ฟ้า (ผู้ก่อเหตุ) เคยถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อหา พ.ร.บ.อาวุธปืน ในพื้นที่ สภ.เมืองราชบุรี ส่วน นายเต๊ก ถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อหายาเสพติดในพื้นที่ สภ.บ้านแพ้ว  ขณะที่ น.ส.พัช ผู้เสียหาย ซึ่งไม่ยอมไปแจ้งความหลังถูกทำร้ายร่างกาย  พบว่าเคยถูกแจ้งความดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกง ในพื้นที่ สภ.เมืองราชบุรี