เปิดปฏิบัติการ 10 วัน สืบภาค 9, สตม., ตำรวจท่องเที่ยว, ดีเอสไอ ประสานตำรวจอินโดฯ รวบตัว เสี่ยแป้ง นาโหนด เผยจนมุมเพราะหญิง ไล่แฟนสาวชาวไทยที่ไปหากลับ เพราะมีแฟนใหม่ขณะกบดานอยู่เมืองเมดาน ปลอมบัตรประชาชนอินโดฯ เพื่อขึ้นเครื่องบินไปบาหลีด้วยกัน แต่ทะเลาะกันเพราะเสี่ยแป้งไปมีกิ๊กที่บาหลีอีกคน ตำรวจแกะรอยจนเจอตัว 

    

วันที่ 30 พ.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานเบื้องหลังการสืบสวนจับกุม เสี่ยแป้ง นาโหนด ที่ประเทศอินโดนีเซีย เริ่มเปิดฉากจากชุดสืบสวนสอบสวนของตำรวจภูธรภาค 9 นำโดย พ.ต.อ.สมพงษ์ สุวรรณวงศ์ รอง ผบก.สส.บช.ภ.9 สืบสวนหาข่าวติดตามตัวผู้ต้องหารายนี้มาโดยตลอด จนกระทั่งพบความเคลื่อนไหวของบุคคลรอบตัวเสี่ยแป้ง ประกอบกับได้รับการยืนยันจากสายลับ ว่าเสี่ยแป้งได้หลบหนีไปอยู่ที่ประเทศอินโดนีเซีย จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ


จากนั้นชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 9 ได้รับคำสั่งให้ประสานตรวจสอบความเคลื่อนไหวการเดินทางเข้าออกนอกประเทศของบุคคลรอบข้างของเสี่ยแป้ง จึงได้ประสานไปยัง กองบังคับสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ที่มอบหมายให้ พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) บก.สส.สตม เป็นผู้ประสานงาน จนกระทั่งพบว่าในห้วงเวลาที่ผ่านมา มีบุคคลที่เฝ้าระวังเดินทางไปยังประเทศอินโดนีเซียในลักษณะการไปกลับหลายครั้งจนเป็นที่น่าสงสัย ชุดสืบสวนจึงได้ประสานไปยัง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะควบคุมกรมราชทัณฑ์


ต่อมา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง มีคำสั่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เข้าไปร่วมสืบสวนคดีนี้ พร้อมได้ออกคำสั่งแต่งตั้งชุดเฉพาะกิจ ให้ดีเอสไอเข้าไปร่วมสืบสวนสอบสวนกับตำรวจด้วย โดยฝ่ายของตำรวจ ประกอบด้วย พ.ต.อ.สมพงษ์ สุวรรณวงศ์ พ.ต.อ.ศักดา เจริญกุล รอง ผบก.สส.ภ.9 พ.ต.ท.ปิยพล แป้นแก้ว รอง ผกก.ปพ. บก.สส.ภ.9 ดาบตำรวจเอกรินทร์ ธัญญาฤทธิ์ ผบ.หมู่ กก.ปพ. บก.สส.ภ.9 พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) บก.สส.สตม. พ.ต.ต.ภูริศ คำหมื่น สว.กก.2 บก.สส.สตม. พ.ต.ต.โกเมน วรรณบวร สว.(สอบสวน) กก.สส.บก.ตม.4 และ พ.ต.อ.ณรภณ วัฒนะกรทวี ผกก.ฝอ.2 บก.อก.บช.ทท.

...


จากการสืบสวนพบว่าในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีหญิงคนหนึ่งที่เชื่อว่าเป็นแฟนสาวของนายแป้ง ได้เดินทางไปยังเมืองเมดาน ประเทศอินโดนีเซีย ชุดสืบสวนทั้งหมดที่นำโดย พ.ต.อ.สมพงษ์ จึงได้เดินทางไปยังประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 20 พ.ค. พร้อมกับประสานกับตำรวจประเทศอินโดนีเซียในการสืบสวนติดตามตัว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจอินโดนีเซียให้ความร่วมมืออย่างดี เบื้องต้นจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่สนามบินในวันที่หญิงสาวที่คาดว่าเป็นแฟนของนายแป้งเดินทางมาถึงนั้น พบว่าได้เดินทางไปที่หอพักแห่งหนึ่งในเมืองเมดาน 


ชุดสืบสวนร่วมของตำรวจไทยและตำรวจอินโดนีเซีย จึงเดินทางไปยังสถานที่ดังกล่าวพร้อมกับสอบปากคำพยาน กระทั่งพบว่ามี รปภ.คนหนึ่งได้ให้การยืนยันชัดเจนว่าเห็นนายแป้งทะเลาะและมีปากเสียงกับผู้หญิงไทยคนหนึ่งอย่างรุนแรง จึงจำหน้าได้ ก่อนที่นายแป้งจะแยกย้ายกับหญิงไทยคนดังกล่าว และหญิงไทยได้เดินทางกลับไปยังประเทศไทย การสืบสวนร่วมกันของทั้งสองประเทศยังพบว่า นายแป้งได้มีแฟนอีกคนหนึ่ง เป็นชาวอินโดนีเซีย และได้เดินทางไปเที่ยวที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย โดยก่อนเดินทางไปบาหลีนั้น ได้ไปทำบัตรประชาชนปลอมของประเทศอินโดนีเซีย เพื่อที่จะเดินทางขึ้นเครื่องบินไปยังบาหลีดังกล่าว

 

เมื่อรู้เช่นนั้นชุดสืบสวนไม่รอช้า จึงเคลื่อนกำลังเดินทางไปที่บาหลีทันที ระหว่างนั้นตำรวจอินโดนีเซียสืบสวนพบว่าผู้หญิงที่เดินทางไปกับนายแป้งนั้นเป็นใคร เมื่อตรวจสอบพบว่าหญิงคนดังกล่าวป่วยไม่สบาย นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลบาหลี จึงได้ประสานงานกับตำรวจบาหลีเข้าสอบปากคำหญิงคนนี้ทันที โดยหญิงสาวให้การรับสารภาพว่า ได้เดินทางมากับเสี่ยแป้งจริง แต่ระหว่างนั้นได้มีปากเสียงกัน เพราะจับได้ว่าเสี่ยแป้งมีกิ๊กสาวชาวอินโดนีเซียอีกคนหนึ่ง จึงแยกทางกันเมื่อวันที่ 22 พ.ค. และยังบอกด้วยว่า ที่พักที่สุดท้ายของเสี่ยแป้งอยู่ที่ไหน 


เมื่อชุดสืบสวนของทั้งตำรวจไทยและตำรวจอินโดฯ ไปถึง ก็พบว่าเสี่ยแป้งได้ออกจากที่พักเก่าไปแล้ว แต่ไม่ได้ยากเย็นกับการสืบสวนมากนัก จากการไล่กล้องวงจรปิดและสอบปากคำพยาน จึงพบว่าเสี่ยแป้งพร้อมกิ๊กสาวอินโดนีเซียไปอยู่ที่ที่พักแห่งหนึ่งบริเวณกลางเมืองบาหลี จึงเข้าควบคุมตัวไว้ได้เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ โดยปฏิบัติการทั้งนี้เป็นปฏิบัติการข้ามแดนที่ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากตำรวจอินโดนีเซีย ใช้เวลาล่าตัวเพียง 10 วัน ก็สามารถจับกุมตัวได้ หลังจากนี้ พ.ต.อ.ทวี จะเดินทางไปยังกรุงจาการ์ตา เพื่อประชุมหารือเรื่องการส่งตัวเสี่ยแป้งต่อไป.