2 นักเรียนชายหญิง ม.1-ม.2 ฉุนรุ่นน้อง ป.6 ใช้ซื้อบุหรี่ไม่ไป รุมยำโหด "ฟาดด้วยโซ่-จับหัวโขกกำแพง-ทุบแทงด้วยท่อพีวีซี-แถมจี้ด้วยบุหรี่" หัวแตก-เลือดอาบคาชุดนักเรียน ผู้ปกครองโพสต์โซเชียลทวงความเป็นธรรม ขณะที่โรงเรียนยอมรับผิด ดูแลความปลอดภัย นร.ไม่ได้

จากกรณีที่โลกโซเชียลมีการเผยแพร่เหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชน โดยมีการโพสต์ภาพเด็กนักเรียนชายถูกทำร้ายร่างกายจนเลือดท่วมตัว พร้อมระบุข้อความว่า "ผู้ปกครองถามควรทำยังไง หลานโดนรุ่นพี่ทำร้ายที่โรงเรียนในสภาพแบบนี้ ขอความเห็นจากแม่ๆ หน่อย เราควรทำยังไง คือเฮ็ดกันแฮงขนาดนี้ / เอาโซ่ใหญ่ฟาดกกหู มันรุนแรงเกิน ครูรู้แล้วแต่ครูว่าอย่าเพิ่งแจ้งความ ให้คุยไกล่เกลี่ยกันก่อน" หลังโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ได้ไม่นาน มีชาวเน็ตแห่เข้ามากดไลค์ กดแชร์ และแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก

ล่าสุด เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 67 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านหลังหนึ่งใน จ.ศรีสะเกษ เพื่อพบกับ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 39 ปี ซึ่งเป็นป้าของ ด.ช.บี (นามสมมติ) อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ถูกกระทำ โดย น.ส.เอ เล่าว่า ตนเป็นพี่สะใภ้ของพ่อ ด.ช.บี และเป็นคนดูแลเลี้ยงดู ด.ช.บี เนื่องจากพ่อแม่ของเด็กแยกทางกัน ซึ่งพ่อของบวชเป็นพระ หลังเกิดเหตุเมื่อช่วงสายวันที่ 28 พ.ค. 67 ครูได้พา ด.ช.บี กลับมาส่งที่บ้านในสภาพมอมแมมเลือดท่วมตัวเปรอะเปื้อนชุดนักเรียน ศีรษะแตก มีรอยเย็บ 2 เข็ม ตนเห็นแล้วก็รู้สึกตกใจ จึงสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทราบว่า หลานชายถูกรุ่นพี่ ม.1 และ ม.2 รุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ ตนคิดอะไรไม่ออก ทำอะไรไม่ถูก รู้สึกสงสารหลานมาก จึงหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปสภาพของหลาน แล้วนำไปโพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว ถามถึงความรู้สึกของผู้เป็นพ่อเป็นแม่และผู้ปกครอง เมื่อเห็นสภาพลูกหลานเป็นแบบนี้แล้วจะรู้สึกอย่างไร

...

"ก่อนหน้านี้ ด.ช.บี ก็เคยถูกทำร้ายโดยการใช้เถาวัลย์ฟาดตามร่างกาย แต่ว่าทางโรงเรียนก็ไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ กับผู้ที่กระทำ มารอบนี้ก็ยังมาถูกทำร้ายจนเลือดอาบอีก ตนเห็นแล้วก็รับไม่ได้ และหลังเกิดเหตุมีการโยนความผิดให้ตนที่โพสต์ภาพ อ้างว่าทำให้โรงเรียนเสื่อมเสียชื่อเสียง ขู่จะฟ้องอย่างเดียว ความเป็นธรรมของเด็กก็ไม่มีด้วย ซึ่งทางโรงเรียนอ้างว่าเรื่องนี้จะจบได้คือต้องให้เด็กที่ก่อเหตุย้ายออก เพราะอ้างว่าไม่สามารถแจ้งความจับเด็กได้ อีกทั้งพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กที่กระทำกับหลานของตน กลับไม่มีการเยียวยาหรือแสดงความรับผิดชอบแต่อย่างใด ซ้ำยังมีการหัวเราะชอบใจอีกด้วย อย่างไรก็ตามยืนยันจะดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด" น.ส.เอ กล่าว

ขณะที่ ด.ช.บี เล่าว่า เหตุการณ์ในวันนั้นเกิดจากที่ รุ่นพี่นักเรียนชายชั้น ม.1 อายุ 13 และรุ่นพี่นักเรียนหญิงชั้น ม.2 อายุ 14 ปี โรงเรียนเดียวกัน ได้ใช้ให้ตนไปซื้อบุหรี่ แต่ตนไม่ไปซื้อให้จึงพากันโกรธ จากนั้นรุ่นพี่ ม.1 ได้หยิบโซ่เส้นใหญ่ ที่อยู่ในโรงเก็บของโรงเรียนมาฟาดตน แล้วจับศีรษะตนโขกกับผนังจนแตก จากนั้นได้ใช้บุหรี่ที่จุดไฟแล้วจี้ตามร่างกายตน และใช้มีดกรีดแขน ตนจึงพยายามดิ้นต่อสู้ขัดขืนแล้ววิ่ง จากนั้นรุ่นพี่ ม.2 ก็ใช้ท่อพีวีซีมาทุบตีและแทงตามร่างกายตน ตนจึงพยายามดิ้นต่อสู้ขัดขืนแล้ววิ่งออกมาขอความช่วยเหลือจากครูในโรงเรียน ครูเห็นมีบาดแผลตามร่างกายจึงรีบนำไปส่งที่ รพ.สต.ในชุมชนเพื่อทำแผล ก่อนจะพากลับบ้านส่งตัวให้กับผู้ปกครอง

ด้านผู้อำนวยการโรงเรียนที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายในโรงเรียน เป็นบริเวณที่เก็บโต๊ะ เก้าอี้ ด้านหน้าโรงเรียน เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 67 ช่วงเวลาประมาณ 09.00 น. ซึ่งเป็นเวลาเข้าเรียนคาบแรก โดยเด็กนักเรียนทั้ง 3 คน ไม่ได้ไปเข้าแถวหน้าเสาธงตอนเช้า และไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมอบรมหลังจากเลิกแถว ตอนคุณครูเช็กชื่อเข้าเรียนก็ไม่มีรายชื่อของเด็กทั้ง 3 ทำให้คุณครูคิดว่าเด็กทั้ง 3 คน อาจจะไม่ได้มาโรงเรียน เพราะว่าทั้ง 3 คน จะชอบขาดเรียนบ่อย

"เหตุการณ์มันเกิดขึ้นแล้ว ทางโรงเรียนก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มอบหมายให้ทาง รอง ผอ.โรงเรียน และครูประจำชั้นเข้าไปเยี่ยมนักเรียนที่บาดเจ็บ ก่อนจะเชิญผู้ปกครองทั้ง 2 ฝ่าย มานั่งพูดคุยหาข้อสรุปกันในวันนี้ อย่างไรก็ตามทางโรงเรียนยอมรับผิด ถึงการที่ไม่สามารถดูแลความปลอดภัยให้กับเด็กนักเรียนได้อย่างทั่วถึง" ผอ.โรงเรียน กล่าว

ด้าน พ.ต.อ.พฤทธิ์ บุญปก ผกก.สภ.ขุนหาญ เปิดเผยว่า เบื้องตนทางตำรวจได้รับแจ้งความเอาไว้แล้ว และได้นัดฝ่ายผู้ก่อเหตุมารับทราบข้อกล่าวหาแล้วในวันที่ 2 มิ.ย. 67 ที่จะถึงนี้