จับแล้ว "หนุ่มเลือดร้อน" ต่อยเสี่ยไร่อ้อย ล้มหัวฟาดพื้น เจ็บหนักเลือดออกในสมอง-สิ้นใจ รพ. หลังมีเรื่องเที่ยวร้านคาราโอเกะ ครอบครัวผู้ตายกังวลไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังทราบมาว่ากลุ่มผู้ต้องหาให้ผู้ใหญ่วิ่งเต้น ด้าน ตร.ยืนยันให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย 

เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 67 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ ต.กรับใหญ่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เพื่อพบกับ น.ส.ปรมาภรณ์ ชนะกุลเดชา อายุ 42 ปี หลังรับแจ้งว่า นายศักย์ศรณ์ ตาลเจริญยิ่ง อายุ 47 ปี เสี่ยไร่อ้อย ชาว อ.บ้านโป่ง ซึ่งเป็นพี่ชาย ถูกกลุ่มวัยรุ่นต่อยจนเสียชีวิต หลังมีปากเสียงกันบริเวณลานจอดรถร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.บ้านโป่ง พร้อมนำภาพจากกล้องวงจรปิดในจุดเกิดเหตุมาให้ผู้สื่อข่าวดู

น.ส.ปรมาภรณ์ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 25 พ.ค. 67 ที่ผ่านมา ตน พี่ชาย หลานชาย และหลานสาวอีก 2 คน ชวนกันไปร้องคาราโอเกะ ระหว่างกำลังสังสรรค์กันอยู่นั้น พี่ชายออกไปเข้าห้องน้ำเพียงลำพังประมาณ 10 นาที และพบกับกลุ่มผู้ต้องหา ก่อนที่จะกลับเข้ามาร้องเพลงกันต่อ กระทั่งร้านปิดจึงชักชวนกันกลับ โดยระหว่างที่กำลังเดินไปที่ลานจอดรถนั้น พบกลุ่มผู้ต้องหาประมาณ 7-8 คน ซึ่งจอดรถอยู่ใกล้กัน พี่ชายจึงได้เข้าไปสอบถามว่า "ตอนที่อยู่หน้าห้องน้ำ มีปัญหาอะไรกับตนหรือเปล่า" ซึ่งทางฝั่งกลุ่มผู้ต้องหาได้ถามกลับพี่ชายตนว่า "แล้วมีอะไรกับพวกตนหรือเปล่า" ระหว่างที่กำลังพูดคุยอยู่นั้น นายชัยชนะ ผู้ต้องหาได้เดินอ้อมมาทางด้านหลัง แล้วใช้หมัดต่อยไปที่ใบหน้าของพี่ชายตนอย่างแรง 1 ครั้ง จนล้มทั้งยืน ศีรษะกระแทกพื้นอย่างแรงจนหมดสติ จากนั้นกลุ่มเพื่อนผู้ต้องหาได้เข้ามารุมทำร้ายหลานชายจนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งหลังจากแยกย้ายกันแล้ว พวกตนรีบพาพี่ชายส่ง รพ.บ้านโป่ง แพทย์ทำ MRI พบว่ามีเลือดคลั่งในสมอง กระทั่งเวลา 23.00 น. วันที่ 26 พ.ค. 67 อาการของพี่ชายเริ่มทรุดหนัก และเสียชีวิตลง

...

"จากนั้นทางครอบครัวจึงได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ที่ สภ.บ้านโป่ง อย่างไรก็ตามสาเหตุที่ครอบครัวต้องออกมาร้องสื่อในครั้งนี้ เนื่องจากทราบมาว่าผู้ต้องหาพยายามวิ่งเต้นให้ผู้หลักผู้ใหญ่เข้ามาเจรจา ทางครอบครัวจึงเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งนี้ตนขอยืนยันว่า พี่ชายไม่เคยรู้จักหรือเคยมีปัญหากับกลุ่มคู่กรณีมาก่อน" น.ส.ปรมาภรณ์ กล่าว 

ด้าน น.ส.สุประวีณ์ ตาลเจริญยิ่ง อายุ 27 ปี ลูกสาวของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนมีกันสองคนพ่อลูก โดยปกติพ่อเป็นคนเงียบๆ ไม่หาเรื่องใคร เป็นที่รักของเพื่อนและชาวบ้าน เพราะมีอุปนิสัยเป็นกันเอง หลังทุกคนทราบข่าวการเสียชีวิตของพ่อ ต่างก็เสียใจมาก เพราะที่ผ่านมาพ่อเป็นคนไม่ค่อยแสดงออกกับตนมากนัก แต่ก็รับรู้ได้ว่า พ่อรักและเป็นห่วงตนมาก เพราะมักจะสอนตนให้เป็นคนเข้มแข็ง โดยบทสนทนาสุดท้ายที่ได้คุยกันก่อนที่พ่อจะจากไปนั้น พ่อบอกว่าพ่อหายดีแล้ว และพยายามถอดสายน้ำเกลือออก พร้อมกับไล่ให้ทุกคนกลับบ้าน เพราะไม่อยากเป็นภาระใคร

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากผู้ต้องหาจะเข้ามาขมาผู้ตาย น.ส.สุประวีณ์ กล่าวว่า ถ้าผู้ต้องหาจะมาก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ขอให้มาจากใจจริงๆ ในส่วนของคดีนั้น จากนี้ก็ขอให้เป็นไปตามกฎหมาย เพราะไม่อยากให้พ่อต้องเจ็บฟรีๆ "พ่อใครใครก็รัก" แต่ก็ยอมรับว่า รู้สึกกังวลจะไม่ได้รับความเป็นธรรม

ต่อมา เวลา 17.00 น. วันเดียวกัน พ.ต.อ.วิสุทธิ์ เสือรอด รอง ผบก.ภ.จ.สมุทรสงคราม รักษาราชการแทน ผกก.สภ.บ้านโป่ง พร้อมชุดสืบสวน ได้คุมตัว นายชัยชนะ ดังชัยภูมิ อายุ 30 ปี ชาว ต.ลาดบัวขาว อ.บ้านโป่ง ผู้ก่อเหตุต่อย นายศักย์ศรณ์ จนเสียชีวิตมาสอบปากคำ ซึ่ง นายชัยชนะ รับสารภาพว่าเป็นคนต่อยจริง โดยวันนั้นได้ไปเที่ยวร้านคาราโอเกะกับกลุ่มเพื่อน กระทั่งออกจากร้านมาเจอคู่กรณีที่ลานจอดรถ ซึ่งขณะนั้นผู้ตายเดินเขามาถามเพื่อนในกลุ่มว่า "มีปัญหาอะไรหรือเปล่า" พร้อมกับทำท่าจะต่อยเพื่อนของตน จึงเดินอ้อมไปด้านหลังแล้วต่อยเข้าที่ใบหน้า 1 ครั้ง จนล้มทั้งยืนศีรษะกระแทกพื้น ก่อนที่ญาติคู่กรณีและญาติของตน จะพาคนเจ็บส่งโรงพยาบาล ซึ่งตนยอมรับว่าไม่เคยรู้จักและมีปัญหากันมาก่อน

ด้าน พ.ต.อ.วิสุทธิ์ เสือรอด รอง ผบก.ภ.จ.สมุทรสงคราม รักษาราชการแทน ผกก.สภ.บ้านโป่ง กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย ขอให้ญาติผู้เสียชีวิตวางใจได้ ส่วนผู้ก่อเหตุจะถูกดำเนินคดีในข้อหา "ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย" ต่อไป