ตำรวจเผยความคืบหน้า "คดีฆ่าโหดเกาหลี รีดเงิน 3 ล้าน" หลังประชุมเครียดนานกว่า 2 ชม. แจงไทม์ไลน์ก่อเหตุ เชื่อมีคนร้าย 3 คน 2 คนหนีออกนอกประเทศไปแล้ว ส่วนอีก 1 คน ยังไม่พบข้อมูลเดินทางออกนอกประเทศ เตรียมออกหมายจับ-ประสานหมายแดงล่าตัว ส่วนประเด็นตัดนิ้ว คาดเป็นเพียงการทำลายอัตลักษณ์ ไม่ใช่การทรมาน คาดสาเหตุหักหลัง-ฆ่าล้างแค้น  

ความคืบหน้าคดีอุ้มฆ่าหนุ่มเกาหลียัดถังถ่วงน้ำ เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 12 พ.ค. 67 ที่ห้องประชุม สน.มักกะสัน พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคํา ผบก.น.5, พ.ต.อ.ภพธร จิตต์หมั่น รอง ผบก.น.5, พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น., พ.ต.อ.อรรชวศิษฏ์ ศรีบุณยมานนทน์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น., พ.ต.อ.อุรัมพร ขุนเดชสัมฤทธิ์ ผกก.สน.มักกะสัน, พ.ต.อ.วชิรากรณ์ วงศ์บุญ ผกก.สน.คลองตัน, เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนนครบาล ชุดสืบสวน บก.น.5 ชุดสืบสวน สน.คลองตัน และชุดสืบสวน สน.มักกะสัน ร่วมประชุมความคืบหน้าคดีกว่า 2 ชั่วโมง

พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวภายหลังการประชุมว่า วันนี้มีการประสานญาติ นายโรห์ อึน จง อายุ 34 ปี หนุ่มเกาหลีที่ถูกฆ่ายัดถังโบกปูนถ่วงน้ำ เพื่อมาพิสูจน์ทราบอัตลักษณ์บุคคลที่พบศพเมื่อคืนนี้ หลังเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 67 รับแจ้งจากแม่ของ นายโรห์ ว่าหายตัวไป ที่แจ้งเรื่องกับทางสถานทูตเกาหลีก่อนเดินทางเข้ามาแจ้งกับตำรวจ สน.คลองตัน ว่าถูกคนร้ายใช้ไอดีโทรศัพท์ของตัวผู้ตายโทรไปข่มขู่แม่ว่า นายโรห์ มีการนำยาเสพติดไปโยนทิ้งน้ำ จนเกิดความเสียหายจึงเรียกร้องเงินจำนวน 3 ล้านบาท ทาง สน.คลองตัน จึงรายงาน พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.สั่งการให้ บก.สส.บช.น. สืบ บก.น.5 และ สน.คลองตัน ทำการสืบสวน จากการตรวจสอบพบ นายโรห์ เดินทางเข้ามาประเทศไทยเมื่อ 30 เม.ย. 67 และมาพักที่โรงแรมรามาด้า ต่อมาเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 67 หลังรับแจ้งจึงเริ่มทำการสืบสวนพบว่า ช่วงเวลา 16.00 น. วันดังกล่าว นายโรห์ ได้เดินไปห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง และกลับเข้าที่พัก ต่อมาเวลา 19.36 น. นายโรห์ เดินออกจากโรงแรม และขึ้นวิน จยย.รับจ้างไปยังสถานบันเทิงอาร์ซีเอ และพบว่ามีเพื่อนชาวเกาหลีเดินมาประกบตอนขาออก ช่วงเวลาประมาณตีสองกว่าๆ โดยมีรถยนต์มาจอดรอรับ จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่ามีชาย 2 คน เป็นคนขับ 1 คน และอีกคนนั่งข้าง อยู่ภายในรถ กับอีก 1 คน ที่เดินประกบ นายโรห์ รวมมีผู้ก่อเหตุ 3 คน

...

จากการตรวจสอบรถคันดังกล่าวพบว่า เป็นรถเช่าโดยมีชื่อ นายคิม เป็นผู้เช่าและเป็นคนขับ โดยใช้เส้นทางออกจากผับ RCA ไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ย่านร่มเกล้า กทม. จากการตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าวพบว่ามี นายลี เป็นผู้เช่าและพบว่ากล้องวงจรปิดถูกถอดออก ทำให้เก็บภาพมาได้เพียงบางส่วน เริ่มเช่าเมื่อวันที่ 1-4 พ.ค. 67 ซึ่งวันเกิดเหตุคือวันที่ 2-3 พ.ค. 67 ส่วนแนวทางการสืบสวนเชื่อว่าคนร้ายมีการวางแผนเพื่อเช่าบ้านหลังดังกล่าวไว้ก่อนจะก่อเหตุ 

จากนั้นเริ่มคนร้ายมาถึงที่บ้านได้มีการดึงสายกล้องวงจรปิดออกทั้งหมด ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่มีภาพเหตุการณ์วันดังกล่าว หลังจาก นายคิม ขับรถคันดังกล่าวเข้าไปภายในบ้านแล้ว นายคิม ขับรถออกมาคอนโดแห่งหนึ่งที่สุขุมวิท เพื่อเก็บกระเป๋าเสื้อผ้า ก่อนขับกลับมาบ้านหลังเดิมอีกครั้ง จากนั้นมีการขับรถยนต์พา นายโรห์ ออกไป ซึ่งเชื่อว่าออกไปกันทั้งหมด 4 คน แล้วมุ่งหน้าไปคอนโดอีกแห่ง ซอยสุขุมวิท 77 จากนั้นคนร้ายคนที่ 3 ชื่อ นายลี รุน ลงจากรถไปเอาสิ่งของบางอย่างที่คอนโดลงมาให้กับคนในรถ แต่ นายลี รุน ไม่ได้ไปด้วยกัน

จากนั้นรถคันดังกล่าวได้ขับไปที่ด่านลาดกระบังขาออกมุ่งหน้าเส้นพัทยา ทำให้เชื่อว่าคนในรถมีเพียง 3 คนเท่านั้น คือ นายคิม นายลี และนายโรห์ (ผู้ตาย) จากนั้นเมื่อไล่ดูภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่า รถยนต์คันดังกล่าวได้เข้าไปที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ย่านมาบประชัน พัทยา ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวมี นายลี ผู้ก่อเหตุ เป็นคนเช่าไว้ตั้งแต่วันที่ 3-10 พ.ค. 67 เชื่อว่ามีการวางแผนว่าหากนำตัวมาแล้ว จะไปพักยังบ้านหลังดังกล่าว หลังจากนั้นช่วงเวลาประมาณ 10.00 น. นายคิม ได้ขับรถออกไปยังร้านวัสดุแต่ยังไม่มีการซื้อของใดๆ กระทั่งเวลา 10.45 น. นายคิม ขับรถไปจอดหน้าบริษัทให้เช่ารถ และ นายคิม ลงมาทำสัญญาเช่ารถกระบะสีขาว และขับรถกระบะกลับไปยังบ้านพัก โดยรอบแรกเวลา 11.36 น. วันที่ 3 พ.ค. 67 ยังไม่มีสิ่งของอยู่บริเวณท้ายรถกระบะ จากนั้นช่วงเวลา 15.00 น. นายคิม เป็นขับรถกระบะ มี นายลี นั่งมาด้วย และเวลา 15.17 น. มีการขับไปร้านค้าเพื่อซื้อถังสีดำขนาดใหญ่ และเชือก นำไปไว้ที่ท้ายรถกระบะมีผ้าคลุมไว้ ก่อนขับกลับไปยังบ้านพักในหมู่บ้านที่เช่าไว้

ต่อมาวันที่ 4 พ.ค. 67 คนร้ายได้ถอดกล้องวงจรปิดออกจากบ้านเช่าหลังดังกล่าวออกทั้งหมด จนกระทั่งเวลา 17.00 น. วันเดียวกัน นายลี ขับรถกระบะออกไป 1 คัน และ นายคิม ขับรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า ซิตี้ ออกจากหมู่บ้าน และขับวนในพัทยา ราว 5 ชั่วโมง กระทั่งเวลา 22.00 น.วันเดียวกัน พบภาพวงจรปิดจากร้านค้า เห็นรถยนต์ 2 คัน ขับมาประกบกันแถวอ่างเก็บน้ำมาบประชัน จากนั้นมี 1 คนลงมาจากรถเก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า ซิตี้ มาหารถกระบะ แล้วกระบะก็ขับเข้าไปริมอ่างเก็บน้ำ โดยใช้เวลาประมาณ 25 นาที รถกระบะคันดังกล่าวก็ขับออกมา แล้วกลับไปยังหมู่บ้านมาบประชัน ซึ่งวงจรปิดหน้าหมู่บ้านเห็นชัดว่าขาไปพบท้ายรถกระบะมีผ้าคลุมสีดำและถังดำอยู่ แต่ขากลับเข้าหมู่บ้านเวลา 22.43 น. กลับไม่มีถังและผ้าคลุมท้ายรถแล้ว ทางฝ่ายสืบสวนจึงเชื่อว่ามีการนำถังไปโยนทิ้งบริเวณอ่างเก็บน้ำ จึงประสานนักประดาน้ำค้นหาจนเจอศพในถังสภาพถูกโบกปูนปิดไว้ จากนั้นจึงให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ แล้วนำส่งสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ

ทั้งนี้เชื่อว่าคนร้ายที่ก่อเหตุมีจำนวน 3 ราย จากการตรวจสอบข้อมูลจาก ตม.พบว่า 2 ราย ได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว แต่อีก 1 ราย พบข้อมูลเพียงเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังไม่พบมีการเดินทางออก

เบื้องต้นจึงมีการประสานกับทางสถานทูตเกาหลีและตำรวจเกาหลี ในการขอข้อมูลและมีการประชุมร่วมกัน โดยทางเกาหลีพร้อมประสานความร่วมมือในการติดตามจับกุมคนร้ายกลุ่มนี้ เนื่องจากมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน และหากพบว่าผลตรวจดีเอ็นเอเป็นของ นายโรห์ จริง ก็สามารถออกหมายจับผู้ต้องหาและประสานออกหมายแดง อีกทั้งสาเหตุครั้งนี้ทางชุดสืบสวนได้มีการขอประวัติย้อนหลังตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 3 ราย ทราบเบื้องต้นว่ามีประวัติด้านคดีแต่ขอตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนว่าเกี่ยวกับเรื่องอะไร โดยทางตำรวจเกาหลีรับเรื่องไว้เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุต่อไป

...

รายงานข่าวแจ้งว่า หลังก่อเหตุ นายคิม ได้หนีออกไปประเทศเมียนมา ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค. 67 ส่วน นายลี รุน หนีกลับประเทศเกาหลี และ นายลี ยัง จิน หลบหนีออกไปประเทศกัมพูชา ส่วนประเด็นการตัดนิ้วของผู้ตายนั้น ซึ่งตัดเพียงข้อเดียวของทุกนิ้ว คาดว่าเป็นการทำลายอัตลักษณ์ เพื่อให้ตำรวจตรวจสอบได้ยาก ซึ่งต้องตัดหลังจากเสียชีวิตแล้ว หากตัดเพื่อเป็นการทรมาน เพราะต้องการข้อมูลลับบางอย่าง แค่ตัดนิ้วเดียวก็น่าจะยอมเปิดเผยข้อมูลแล้ว และคาดว่าผู้ตายอาจเข้าไปอยู่ในขบวนการเดียวกับคนร้าย แล้วเกิดหักหลังกันอย่างรุนแรงจึงลงมือฆ่าเพื่อล้างแค้น.