ปมขัดแย้ง “2 บิ๊กตำรวจ” ทรงบารมี “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. คนที่ 14 และ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผบ.ตร. สั่นสะเทือนวงการ “สีกากี” และขบวนการยุติธรรมทั้งระบบ
ตั้งแต่วาระการแต่งตั้ง ผบ.ตร. คนที่ 14 ต่อจาก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ อดีต ผบ.ตร. วงการสีกาได้เห็นเค้าลางของความขัดแย้งของ “บิ๊กสีกากี” ที่อยู่ในข่ายได้ลุ้นตำแหน่ง “พิทักษ์ 1” ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุด
มีหลายประเด็น หลายคดีที่มีความพยายามโยงเข้าหาอีกฝ่าย ตำรวจแบ่งเป็น 2 ขั้วอำนาจชัดเจน
จุดแตกหักคดี พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.กก.2บก.ทล. ถูกยิงเสียชีวิตต่อหน้าตำรวจนับสิบงานเลี้ยงบ้าน นายธนัญชัย หมั่นมาก หรือ “กำนันนก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ทำคดีตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์ถูกดำเนินคดีข้อหาหนักทั้งหมด ไม่สนเด็กสายไหน ความกดดัน “ผกก.เบิ้ม” พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผกก.2 บก.ทล. ตัดสินใจคิดสั้น
กลายเป็นการเปิดรอยแผลร้าวลึกบาดหมางภายในใจระหว่างลูกน้อง “2 บิ๊กตำรวจ”
ปฏิบัติการ “Big Cleaning Day” กวาดล้างพนันออนไลน์เครือข่ายเจ้าแม่เว็บพนันออนไลน์ มินนี่ 30 จุด 6 จังหวัด เข้าค้นบ้าน 4 หลัง ซึ่งเป็นบ้านพัก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีผู้ต้องหาถูกออกหมายจับชุดแรก 23 คน มีชื่อตำรวจทีมงาน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ 8 นาย ท่าทีแข็งกร้าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เดินหน้าเรียกร้องความชอบธรรมเข้าค้นบ้าน จับลูกน้อง และเรียกร้องให้ตำรวจส่งสำนวนคดีให้ ป.ป.ช.ที่มีอำนาจรับผิดชอบ
ประเด็นร้อนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สั่งให้ “บิ๊กต่อ” จัดการตั้งแต่ที่เข้ารับตำแหน่ง
...
ก่อนเปิดคดี เว็บพนัน BNK MASTER ชุดสอบสวนแจ้งเป็นอีกคดีมีชื่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ร่วมเป็นผู้ต้องหา ยิ่งบานปลาย “ไฟสีกากี” ถูกสุมเชื้อหนักขึ้นไปอีก มีการเปิดข้อมูลเส้นทางเงินพนันเข้าคนสนิท “บิ๊กต่อ”
สุดท้ายนายกฯสั่งเด้ง 2 นายพลผู้ทรงบารมีมาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี มอบ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รักษาการแทน ผบ.ตร. พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกหมายเรียก 3 ครั้ง แต่ไม่เข้ารับทราบข้อกล่าวหา เพราะมองว่าไม่เป็นธรรม ศาลอนุมัติหมายจับให้เหตุผลหลีกเลี่ยงหมายเรียกของพนักงานสอบสวน ตามมาด้วยคำสั่ง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อน
“บิ๊กโจ๊ก” เปิดแถลงข่าวรายวัน ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ ป.ป.ช.และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประเด็นการออกคำสั่งไม่เป็นธรรม มองว่าเป็นขบวนการเลื่อยขาเก้าอี้ ไม่ให้ขึ้นเป็น ผบ.ตร.
ต้องยอมรับว่าตำรวจ เป็นหน่วยงานที่ถูกมองในภาพลบกับภารกิจที่ต้องสัมผัสใกล้ชิดประชาชน และอำนาจในการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดี จากอดีตที่มี “ตำรวจนอกแถว” สร้างความเสื่อมเสีย ยิ่งมามีการเปิดโปงรับ “ส่วย” และพัวพัน “พนันออนไลน์” จากปากตำรวจด้วยกันเอง มาประจานขยายวงกว้างในสังคม
ยิ่งมี “บิ๊กตำรวจ” ถูกพาดพิง เป็นปัญหาบั่นทอนความเชื่อมั่นของสังคมที่มีต่อตำรวจ
สิ่งสำคัญคือ การเร่งกอบกู้ความเชื่อมั่นและศรัทธาจากพี่น้องประชาชนกลับคืนมาได้หรือไม่
เพราะการตัดสินคดี เรื่องนี้ไม่ใช่อำนาจของพนักงานสอบสวน แต่อยู่ที่ดุลพินิจของศาล
เชื่อว่ายังไม่มีทางจบสิ้นได้ง่ายๆต้องว่ากันตั้งแต่ศาลชั้นต้นยันศาลฎีกา นานอีกหลายปี
แต่สิ่งที่น่าห่วงผลกระทบรุนแรงต่อความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชนที่มีต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติและขบวนการยุติธรรมทั้งระบบ ตำรวจอีกมากพลอยได้รับผลกระทบต่อการทำหน้าที่ “ผู้รักษากฎหมาย”

พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ และ พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่มาจากการเลือกตั้งจากตำรวจระดับรอง ผกก.ทั่วประเทศ ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาล “ปฏิรูปตำรวจ” อีกครั้งด้วยความจริงใจ
ยืนหยัดรักษาองค์กรตำรวจให้มีระบบคุณธรรมแต่งตั้งโยกย้ายและให้ความเป็นธรรมตำรวจที่มีผลงาน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการแก้ไขปัญหาที่หมักหมมในแวดวงสีกาที่ถูก “อำนาจมืด” ครอบงำมายาวนาน
พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าวว่า “ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นต้องรอเรื่องคดีตัดสินกันอย่างไร ปัญหาที่เกิดขึ้นมาตำรวจไม่มีอำนาจตัดสิน อยากให้ก้าวข้ามเรื่องนี้ ต้องรอศาลเป็นผู้ชี้ขาด เพราะทำอะไรไม่ได้ แต่เวลานี้ภาพองค์กรตำรวจที่ออกมาทำให้เห็นชัดเจนว่าล้มเหลว อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงองค์กรตำรวจ ทุกคนร่วมกันพลิกวิกฤติ ให้เป็นโอกาส เราต้องนำสิ่งที่เกิดขึ้นมาเป็น “บทเรียน” ปฏิรูปตำรวจเพิ่ม อย่าให้ปัญหาเรื่องราวแบบนี้กลับมาเกิดขึ้นอีก”
“ย้อนกลับไปมองที่เกิดอะไรขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สิ่งแรกที่ทำร้ายองค์กรตำรวจคือ การย้าย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ที่ดีที่สุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ การเข้ามาแทรกแซงแก้กฎเกณฑ์ ยุบ ก.ตร.ที่มาจากการเลือกตั้งของตำรวจเพื่อเข้ามาเป็นปากเสียงแทนตำรวจ ยุบแท่งงานสอบสวน ทำให้เกิดปัญหาคนหนีงานสอบสวนขาดแคลนพนักงานสอบสวนที่มีความชำนาญ สร้างระบบอุปภัมถ์ การครอบงำตำรวจจากนักการเมือง “คนนอก” แทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจจนกลายมาเป็นปัญหาขัดแย้งในปัจจุบัน รวมศูนย์อำนาจเข้ามาอยู่ที่ตัว ผบ.ตร.ทั้งหมดทำให้ตำรวจอยู่ในสภาพ “หัวมังกุ ท้ายมังกร” มาทำดีชดเชยคือการปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติแบบเป็นพิธี เอาคนที่ไม่มีความรู้มาปฏิรูปองค์กรตำรวจ”
...

พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ และนายกสมาคมตำรวจ กล่าวว่า “ผมเชื่อว่าพวกเรายังรักและอยากเห็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติดีขึ้น เราต้องเชื่อหรือศรัทธาว่าปฏิรูปแล้วตำรวจจะดีขึ้น หากเรายังนิ่งเฉยหรือคิดว่าไม่ใช่ภาระ ตำรวจจะเป็นอย่างนี้ ช่วยกันเรียกร้อง น้ำแต่ละหยดอาจเป็นแม่น้ำได้”
นำทีมสมาคมตำรวจ ชมรมพนักงานสอบสวนตำรวจ สมาคมนักเรียนนายร้อยตำรวจ ร่วมกันรณรงค์เรื่องการ “ปฏิรูปตำรวจ” ให้เป็นรูปธรรม ปลดแอกการแทรกแซงทุกทาง เพื่อให้ตำรวจอยู่อย่างมีเกียรติและมีศักดิ์ศรี

...
มุมมองอดีตตำรวจเก่าและ ก.ตร.ที่ตำรวจเลือกอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงก้าวข้าม “อดีต” ที่เจ็บปวด
พลิกวิกฤติทำให้องค์กรตำรวจกลับมาเข้มแข็งเป็นที่เชื่อมั่นศรัทธาของพี่น้องคนไทย.
ทีมข่าวอาชญากรรม
คลิกอ่านคอลัมน์ “แกะรอยรอบสัปดาห์” เพิ่มเติม