พล.ต.ต.ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผบก.น.4 ยอมรับพนักงานสอบสวนบกพร่องดองสำนวนคดี "ดร.หญิง อดีตผู้บริหาร" เมาแล้วขับ เมื่อปี 65 บช.น.สั่งตั้ง กก.สอบข้อเท็จจริงแล้ว พร้อมยืนยันไม่มีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่อาจเป็นเพราะ พงส.ประมาท หรือขี้เกียจ
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 พล.ต.ต.ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผบก.น.4 เปิดเผยความคืบหน้าในคดี "ดร.หญิง อดีตผู้บริหารบริษัทชื่อดังระดับโลก" เมาแล้วขับ ถีบหน้า พ.ต.ท.ดาราธร ขจรศิลป์ รอง ผกก. 5 บก.จร. ระหว่างนำตัวขึ้นรถส่งดำเนินคดีที่ สน.ประเวศ ว่า ตอนนี้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.สั่งตรวจสอบข้อจริงทั้งระบบ โดยให้ พ.ต.อ.นิภพล สุขนิยม รอง ผบก.น.4 เป็นประธานการสอบสวนข้อเท็จจริง ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผล แต่เบื้องต้น คดีของผู้ต้องหารายนี้ต้องแยกเป็น 2 ส่วน คือ คดีล่าสุดแบ่งเป็น 2 คดี คือ คดีทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน ขัดขืนเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ และคดีเมาแล้วขับ โดยคดีทำร้ายร่างกายถือเป็นการกระทำที่ไม่ถึงแก่กาย (ไม่ได้รับบาดเจ็บ) แต่จากการให้สัมภาษณ์ของผู้ต้องหากับสื่อมวลชน ยอมรับว่าได้ถีบใบหน้าจริง แต่มีหมวกกันน็อกกั้นไว้ รอง ผกก.จราจร เป็นผู้เสียหาย ไม่ติดใจ แต่ติดใจคำพูดที่ดูถูกลูกน้องเท่านั้น
ส่วนกรณีเมาแล้วขับ พบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์ 104 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ตรงนี้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามขั้นตอน อยู่ระหว่างการพิมพ์ลายนิ้วมือ และรวบรวมพยานหลักฐาน จะมีการส่งฟ้องในภายหลัง
ส่วนคดีเก่าข้อหาเมาแล้วขับ เมื่อวันที่ 17 ส.ค.65 เบื้องต้น จากการตรวจสอบพบว่ายังไม่มีการสั่งฟ้อง ถือว่าเป็นความบกพร่องของพนักงานสอบสวนคนเก่าที่อยู่ สน.ประเวศ แต่ปัจจุปันย้ายไปอีก สน.หนึ่ง (สน.นางเลิ้ง) ซึ่งอยู่คนละกองบังคับการกัน ทำให้ตนเองต้องทำหนังสือรายงานส่งไปกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เพราะอยู่นอกอำนาจ บก.น.4 จึงต้องให้ ผบช.น. เป็นผู้พิจารณาสั่งการ และตรวจสอบว่าการทำสำนวนไม่เรียบร้อย ทางผู้บังคับบัญชาก็จะตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย
...
ส่วนการที่พนักงานสอบสวนคนดังกล่าว อ้างว่าทำสำนวนเสร็จเรียบร้อย ก่อนโยกย้ายไป สน.แห่งใหม่ เป็นสิ่งที่ตัวพนักงานสอบสวนพูด จะพูดอย่างไรก็ได้ แต่เบื้องต้น จากการตรวจสอบพบว่าสำนวนคดีไม่เรียบร้อยจริง และในวันเกิดเหตุ ผู้ต้องหาได้เป่าแอลกอฮอล์อยู่ 69 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ แต่ตัวผู้ต้องหาปฏิเสธว่าได้มีการฉีดแอลกอฮอล์ บริเวณแขน ลำตัว และเครื่องเป่า ทำให้แอลกอฮอล์ที่ตรวจวัดได้ ไม่ได้เกิดจากการดื่มกิน จึงร้องขอให้พนักงานสอบสวนส่งแอลกอฮอล์ไปตรวจที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ก่อนจะได้รับผลตอบกลับมาว่าไม่เกี่ยวกันเลย

ผบก.น.4 กล่าวว่า สำหรับคดีที่ไม่เรียบร้อยและไม่ส่งฟ้องนั้น ขณะนี้ได้ประสานผู้ต้องหารายนี้ ว่าจะมีการนำไปส่งฟ้องในวันที่ 10 พ.ค. 67 นี้ ส่วนเรื่องความไม่เรียบร้อยของสำนวนคดี ถือว่ามีความผิดพลาด ส่วนจะพิจารณาอย่างไรก็ขึ้นอยู่คณะกรรมการตรวจสอบ พร้อมกับยืนยันว่าไม่มีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องกับสำนวนแต่อย่างใด เพราะเป็นเรื่องเล็ก แต่อาจเป็นเพราะพนักงานสอบสวนประมาท หรือขี้เกียจ
ส่วนที่มีข้อบกพร่อง แต่กลับได้เลื่อนชั้นยศ มองว่าไม่เหมาะสมนั้น มองว่าในตอนนั้น ต้นสังกัดไม่รู้เรื่องและเพิ่งมารู้ และเมื่อรู้แล้วก็ได้มีการลงโทษ ส่วนระยะเวลาที่ส่งสำนวนสั่งฟ้องล่าช้านานกว่า 2 ปีนั้น ถือว่าไม่เป็นอุปสรรคในการนำตัวผู้ต้องหาส่งฟ้องแต่อย่างใด พร้อมกันนี้ได้ขอฝากไปยังประชาชนเมาแล้วอย่าขับ เพราะมีตัวอย่างให้เห็นว่าหลายคดีมีถึงขั้นตำรวจเสียชีวิต ซึ่งส่วนตัวไม่ห่วงเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ แต่เป็นห่วงประชาชนมากกว่า ที่จะได้รับความเดือดร้อนทั้งชีวิตและทรัพย์สิน