"ทนายตั้ม" ลั่นยอมตายทำเพื่อชาติ จวกตำรวจทำคดี "บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก" 2 มาตรฐาน ถาม "บิ๊กต่าย-รองเต่า" กล้าดำเนินคดีบิ๊กต่อหรือไม่
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 23 เมษายน 2567 ที่สำนักงาน Sittra Law firm อาคารเอ็มไพร์ อาคาร 2 ชั้น 24 ห้อง 2409 ถ.สาทรใต้ แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพมหานคร นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน แถลงข่าวกรณี 2 บิ๊กตำรวจพัวพันคดีฟอกเงินเหมือนกัน แต่กลับถูกดำเนินคดีแบบ 2 มาตรฐาน
นายษิทรา เปิดเผยว่า ที่ผ่านมามีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าตนไม่ได้ทำเพื่อชาติ แต่เป็นการทำเพื่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่ตนมีความสนิทสนมนานหลายปี แต่ยืนยันว่าวันนี้ไม่มีเรื่องเพื่อน พี่ น้อง เป็นการทำเพื่อชาติ ใครจะโกรธก็ต้องโกรธ ตนจะดำเนินคดีทั้งสองฝ่ายให้ถึงที่สุด
นายษิทรา ได้เปิดแผนผังแสดงความเชื่อมโยงระหว่างบัญชีม้าจากเว็บไซต์พนันออนไลน์ BNK Master ที่มีความเชื่อมโยงไปถึงบิ๊กตำรวจทั้งสองคน โดยกรณีของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นั้น พบว่ามีเงินจากเว็บพนันออนไลน์โอนเข้าบัญชีม้าที่ผู้ใต้บังคับบัญชาถืออยู่จำนวน 4 บัญชี และโอนไปยังบัญชีครอบครัว รวมทั้งมีการโอนไปยังโรงพยาบาลวิชัยยุทธ จำนวน 4 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นค่ารักษาพยาบาลให้กับครอบครัว และยังมีการโอนเข้าไปยังบัญชีของน้องชายและแม่เดือนละ 5 หมื่นบาท ร้านกาแฟ สนามยิงปืน ค่าสาธารณูปโภคต่างๆ ค่าน้ำมันรถ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากาแฟ ซึ่งเป็นหลักฐานที่สามารถดำเนินคดีอาญากับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้อย่างแน่นอน แต่เรื่องของวินัยนั้นตนไม่ทราบรายละเอียดขั้นตอน แต่มองว่าเป็นการทำงานแบบเป็นขบวนการเร่งรัดให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนทันที ก่อนที่ตำรวจจะส่งสำนวนให้ ป.ป.ช.อีกครั้ง
...
ขณะที่การดำเนินคดีของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ นั้น ตนได้นำพยานหลักฐานทั้งเส้นทางการเงินและอื่นๆ ไปร้องทุกข์กล่าวโทษที่ สน.เตาปูน และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บก.ปปป.) แต่ยังไม่มีความคืบหน้า พนักงานสอบสวนอ้างว่าอยู่ระหว่างตรวจสอบ เส้นทางการเงินและตรวจสอบต้นทางของบัญชีต่างๆ ซึ่งมองว่าเป็นการดำเนินการสองมาตรฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมตั้งคำถามว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. และพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. จะกล้าดำเนินคดีกับผู้บังคับบัญชา คือ บิ๊กต่อ หรือไม่ ทั้งที่หลักฐานที่ตนนำไปส่งให้นั้นชัดเจนว่ามีการโอนเงินจากบัญชีม้าไปยังภรรยาของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และเครือญาติชัดเจน ทั้งยังพบว่าเงินถูกใช้จ่าย เป็นค่านิติบุคคลให้กับคอนโดมิเนียม 3 แห่ง รีสอร์ตหรูชื่อดังที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา และเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับรถยนต์อีกหลายคัน แต่ไม่ขอระบุว่าเจ้าของอสังหาฯ ดังกล่าวเป็นใคร เพราะเกรงว่าจะทำให้เกิดปัญหาครอบครัว
นายษิทรา ย้ำว่า ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ ต้นทางมาจากที่เดียวกัน คือ บัญชีม้าบัญชีหนึ่ง ชื่อ ณัฐพงศ์ มีเงินเข้าจากเว็บไซต์การพนันออนไลน์ เฉพาะบัญชีนี้เดือนละ 80 ล้านบาท ยอดรวมทั้งหมดมีมากกว่า 800 ล้านบาท และพบว่าเงินจากบัญชีนี้ถูกโอนต่อเป็นทอด และเชื่อมโยงไปยังปลายทาง คือ บัญชีของเครือญาติและคนสนิท พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ในลักษณะเดียวกันกับกรณีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กลับไม่ถูกให้ออกจากราชการ ไม่ถูกออกหมายเรียกและหมายจับ แถมยังไม่ต้องถูกค้นบ้าน ไม่ต้องถูกตรวจสอบโทรศัพท์ จึงเป็นเหตุให้ตั้งข้อสงสัยว่า การดำเนินการของพนักงานสอบสวนมี 2 มาตรฐาน พร้อมตำหนิการทำงานของพนักงานสอบสวนว่า "หลักฐานขนาดนี้ดำเนินคดีไม่ได้ก็ไปชิงหมาเกิด"
นายษิทรา ตั้งคำถามว่า การที่ไม่มีใครกล้าดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เนื่องจากมีเบื้องหลังดีหรือไม่ และเชื่อว่านายกรัฐมนตรีก็ไม่กล้ายุ่งเช่นกัน ขอให้ประชาชนช่วยสนับสนุนตนด้วย เพราะตนไม่มีแบ็ก ยอมตาย เสียสละ ทำเพื่อชาติ ในอนาคตอาจจะโดนยิงตายก็ได้ ถ้าทำให้ส่วยน้อยลง ตนก็อาจได้ขึ้นสวรรค์ ตอนนี้ตนมีครบทุกอย่างแล้ว ต่อไปนี้จะทำเพื่อประชาชน เพราะใส่เสื้อทนายประชาชนแล้ว ใครที่โทรศัพท์มาปรึกษาคดีในหมายเลขโทรศัพท์เดิม ก็จะไม่คิดเงินอีกต่อไป และหากหลักฐานที่ตนยื่นไปเป็นเท็จ ก็ดำเนินคดีกับตนได้
นายษิทรา กล่าวอีกว่า พรุ่งนี้ (24 เม.ย.) จะนำข้อมูลเส้นทางการเงินของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ไปให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ที่ บก.ปปป. เวลา 10.00 น. บิ๊กเต่าจะอยู่พบตนหรือไม่ก็ไม่เป็นไร และให้ขอดูการกระทำของตนที่กล้าเอาผิดกับทั้งสองฝั่งเป็นตัวอย่าง
และในวันพฤหัสนี้ จะไปพบพนักงานสอบสวนที่ สน.เตาปูน เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมด้วย คดีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่มีความผิดจากการรับเงินเว็บพนันออนไลน์นั้น เชื่อว่าผิดจริง และในฐานะทนายความ มองว่าค่อนข้างจะเหนื่อยแล้ว แต่ต้องเป็นเรื่องที่ต้องต่อสู้คดีต่อไป แต่ศาลจะเชื่อหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ทั้งนี้ ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ซึ่งก่อนหน้านี้ตนอ้างว่าได้รับข้อมูลมาสักพักแล้ว และเพิ่งมาประมวลข้อมูลช่วงสงกรานต์ และตั้งใจจะนำไปแถลงก่อน ก.ตร. แต่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อน จึงไม่ได้ดำเนินการตามที่ตั้งใจ
...
ตอนท้ายนายษิทราได้เอาแว่นขยายเปิดไฟมาส่องเอกสารที่ใช้แถลงข่าว พร้อมบอกว่า ตนเริ่มเหมือนพี่ชูวิทย์เข้าไปทุกทีแล้ว