"สายไหมต้องรอด" พา สาวเจ้าของโรงงานไก่ ร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมกับนายกฯ หลังถูกแก๊งตำรวจรีดไถไม่หยุด ขอให้ร่วมทำบุญ และสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ของหน่วย ครั้งละ 3-5 พันบาท เป็นประจำ ต้นเดือน กลางเดือน ปลายเดือน พอไม่ให้กลับโดนตรวจค้นไร้หมาย อ้าง "ที่นี่นครปฐม" ตำรวจสามารถเข้าค้นที่ไหนก็ได้ 

เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2567 ที่ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ได้พา น.ส.รัตนาภรณ์ มาลาอุบล อายุ 35 ปี เจ้าของโรงงานไก่แห่งหนึ่ง ใน จ.นครปฐม ซึ่งเป็นผู้เสียหาย เข้าร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมต่อ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล โดยมี ดร.ธนกฤต จิตรอารีรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรับเรื่อง

น.ส.รัตนาภรณ์ กล่าวว่า ตนประกอบอาชีพขายส่งไก่สด ย้ายมาประกอบกิจการในพื้นที่ สภ.สามควายเผือก จ.นครปฐม เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา  โดยตั้งแต่ย้ายมาประกอบกิจการ ได้มี จนท.ตำรวจ อ้างว่ามาจาก ตำรวจภูธรภาค 7 ตำรวจภูธร จ.นครปฐม และ สภ.สามควายเผือก ทยอยกันเข้ามาขอให้ร่วมทำบุญ และสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ของหน่วย ครั้งละ 3,000-5,000 บาท เป็นประจำ ต้นเดือน กลางเดือน ปลายเดือน กระทั่งปลายเดือน มี.ค.67 ได้มี ชุดสืบสวน สภ.สามควายเผือก เข้ามาขอให้ร่วมทำบุญอีก ซึ่งตนจำได้ว่า เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา ตำรวจชุดนี้เพิ่งจะเข้ามาขอร่วมทำบุญไปแล้ว 3,000 บาท มาครั้งนี้จึงปฏิเสธ และขอร่วมทำบุญเพียง 100 บาท จึงทำให้ตำรวจชุดนี้ไม่พอใจ กลับไปเรียกพวกมาทั้งหมด 8 นาย เข้ามาตรวจค้นโรงงานโดยไม่มีหมายค้นใดๆ 

...

ผู้เสียหายพยายามขอดูหมายค้น แต่ตำรวจชุดนี้อ้างว่า ที่นี่นครปฐม ตำรวจสามารถเข้าค้นที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมีหมาย จากนั้นได้มีการขอเรียกตรวจดูใบประกอบกิจการต่างๆ ใบเคลื่อนย้ายสัตว์ ฯลฯ  ตนก็นำมาแสดงให้ดูทั้งหมด เมื่อเห็นว่ามีเอกสารถูกต้อง ตำรวจชุดนี้ก็เดินไปหาต่างด้าว 5 คน ที่อยู่ในโรงงาน พร้อมขอตรวจดูเอกสาร ผู้เสียหายก็นำเอกสารมาให้ พร้อมยืนยันว่ามีเอกสารการทำงานถูกต้องครบถ้วน แต่ตำรวจไม่ยอม อ้างว่าต้องนำตัวไปโรงพักเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด 

จากนั้นตำรวจทั้ง 8 นายได้อุ้มเอาตัวแรงงานต่างด้าว 5 คน ไปที่ห้องสืบสวน สภ.สามควายเผือก พร้อมกับเรียกเงินค่าปล่อยตัวรายละ 40,000 ทั้งหมด 5 ราย เป็นเงิน 200,000 บาท โดยขู่ผู้เสียหายว่ากฎหมายไทยเป็นระบบกล่าวหา หากไม่จ่ายตรงนี้ ก็จะต้องไปประกันตัวสู้ในชั้นศาลเอาเอง ยังไงก็ต้องหาเงินมาประกันตัว ต้องหาเงินมาจ้างทนาย ลูกจ้างก็ต้องติดคุกไปก่อน และที่สำคัญนายจ้างก็จะตกเป็นผู้ต้องหามีคดีติดตัวไปตลอดชีวิต ให้เลือกเอาว่าจะเอาแบบไหน ตนไม่อยากมีคดีติดตัว จึงยอมที่จะเงินให้กับตำรวจทั้ง 8 นาย โดยให้พี่ชายมาช่วยเจรจา จนสุดท้ายจบที่ 15,000 บาท 

หลังจากจ่ายเงินไปแล้ว 3 วันต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเดิม ได้มีการโทรศัพท์เข้ามาหา พยายามถามหาเอกสารต่างๆ ในลักษณะจะขอเรียกเงินอีก ตนจึงตัดสินใจนำเรื่องนี้ ไปปรึกษากับนายตำรวจน้ำดี ระดับ สารวัตร นายหนึ่งของ สภ.สามควายเผือก ถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น นายตำรวจท่านนี้ จึงช่วยหาหลักฐานต่างๆ จนได้กล้องวงจรปิดในห้องสืบสวน ขณะที่ตำรวจทั้ง 8 นายกำลังรีดทรัพย์จำนวน 15,000 บาท  นอกจากนี้ยังได้คลิปวิดีโอ ขณะที่ตำรวจทั้ง 8 นาย นำเงินที่รีดมาได้ นับแบ่งกันทีละคน โดยพูดคุยกันอย่างสนุกสนานสะใจ 

  

หลังได้คลิปวิดีโอมา นายตำรวจท่านนี้ ได้แนะนำให้ตน ติดต่อมาหา นายเอกภพ โดยเร็วที่สุด พร้อมกับกำชับว่าให้นำหลักฐานต่างๆ มาส่งให้ถึงมือนายเอกภพ จนกระทั่งวันศุกร์ที่ 19 เม.ย. เวลา 13.00 น. ตนได้เดินทางมาขอความช่วยเหลือจากนายเอกภพ ที่เพจสายไหมต้องรอด เขตสายไหม โดยมอบเอกสารหลักฐานต่างๆ ให้กับนายเอกภพ ตรวจสอบ 

ด้านนายเอกภพ ภายหลังตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆ โดยเฉพาะคลิปจากกล้องวงจรปิด น่าเชื่อได้ว่ามีการกระทำผิดจริง นายเอกภพ จึงได้ประสานไปยัง พ.ต.อ.พัลลภ สุริยกุล ณ อยุธยา รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม เพื่อพาผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดี และในเย็นวันเดียวกันหลังจากสอบปากคำเสร็จ พล.ต.ต.สุวรรณ์ เชี่ยวนาวินธวัช ผบก.ภ.จว.นครปฐม  ได้มีคำสั่งด่วนที่สุดให้นายตำรวจทั้ง 8 นาย ไปช่วยราชการที่กองบังคับการตำรวจภูธร จ.นครปฐม ทันที พร้อมตั้งกรรมการสอบสวน 

หลังแจ้งความเสร็จ ได้มีนักการเมืองท้องถิ่น ติดต่อมาหาผู้เสียหาย อ้างว่ามีนายตำรวจระดับสูงของ สภ.สามควายเผือก ติดต่อไปให้มาช่วยเจรจา ให้ผู้เสียหายไปถอนแจ้งความ โดยให้ไปให้การใหม่ว่า ทั้งหมดเป็นการเข้าใจผิด เงิน 15,000 บาท ที่ให้ตำรวจทั้ง 8 นายไป เป็นเงินทำบุญ ไม่ใช่เงินสินบน แต่ผู้เสียหายไม่ยอม ยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด พร้อมกับแจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นดังกล่าวให้นายเอกภพ ทราบทันทีเนื่องจากเกรงกลัวความไม่ปลอดภัย กลัวจะถูกอุ้มฆ่าทั้งครอบครัว 

...

ล่าสุดช่วงสายวันที่ 22 เม.ย.มีคำสั่งจาก บก.ภ.จ.นครปฐม ให้ตำรวจทั้ง 8 นาย ออกจากราชการ และสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรงแล้วประกอบด้วย ร.ต.อ.นที พงษ์หาญพาณิชย์ รอง สว.สส.สภ.สามควายเผือก ด.ต.ชัยพฤกษ์ ผุยรอด ผบ.หมู่ จร. ด.ต.ประสูตร สายพร้อมญาติ ผบ.หมู่ ป. ด.ต.ณรงค์ ห่อทอง ผบ.หมู่ ป. จ.ส.ต.โรจน์ศักดิ์ ศรีพูนพันธ์  ผบ.หมู่ ป. ส.ต.อ.ชัยวัฒน์ ตุ้มฉิม ผบ.หมู่ สส. ส.ต.ต.วุฒิชัย ศรีพูนพันธ์ ผบ.หมู่ จร.และ ส.ต.ต.นันทวัฒน์ ผบ.หมู่ สส.สภ.สามควายเผือก