"เสี่ยบอย" ผู้กว้างขวางคนดังเมืองพัทยา หนึ่งในผู้ต้องหารีดทรัพย์เว็บพนัน 140 ล้านบาท จากวลีดัง "เป้รักผู้การเท่าไหร่" แจ้งความ "ทนายกระดูกเหล็ก" ข้อหาหมิ่นประมาท พาดพิงรุกที่ดินบนเกาะล้าน จนทำให้เสียหาย ปัดแอบอ้าง "นายพล ต." ข่มขู่ชาวบ้าน
จากกรณีที่ นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความคนดังเจ้าของฉายา "ทนายกระดูกเหล็ก" ได้พา นายก้องภพ วรานุชิตกุล และ น.ส.ชลิดา รังสิกุล ผู้รับมอบอำนาจจากเจ้าของที่ดินแปลงเลขที่ดิน 35 ระวาง 53 ต. 20 ฏ. เนื้อที่ 1 ไร่เศษ ตั้งอยู่ริมทะเลบนเกาะล้าน หมู่ 7 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พร้อมนำเอกสารหลักฐานเข้าแจ้งความเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เพื่อให้ตำรวจดำเนินคดีกับ นายวีระ นาทรัพย์ หรือเสี่ยบอย อายุ 39 ปี ผู้กว้างขวางคนดังเมืองพัทยา หนึ่งในผู้ต้องหาคดีรีดทรัพย์เว็บพนัน 140 ล้านบาทจากวลีดัง "เป้รักผู้การเท่าไหร่" กับพวก ในข้อหาร่วมกันบุกรุก ทำให้เสียทรัพย์ และลักทรัพย์
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุด เมื่อวันนี้ 2 เม.ย.67 นายวีระ นาทรัพย์ หรือ "เสี่ยบอย" พร้อมกับ นายประทีป นวลเศรษฐ ทนายความ ได้นำหลักฐานเข้าแจ้งความ ที่ สภ.เมืองพัทยา เพื่อดำเนินคดีกับผู้กล่าวหาในข้อหาหมิ่นประมาท กรณีที่พาดพิงรุกที่ดินบนเกาะล้าน จนทำให้ได้รับความเสียหาย
โดย เสี่ยบอย เปิดเผยว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2567 มีข่าวเกี่ยวกับทนายดังพร้อมลูกความเดินทางเข้าแจ้งความกับตัวเอง พร้อมนำเอกสารต่างๆ มาแสดง ซึ่งการแจ้งความควรจะเป็นในส่วนของเรื่องที่ดินบนเกาะล้านเท่านั้น กลับมีการนำไปโยงกับ นายพล ต. ซึ่งความจริงตัวไม่เคยมีการแอบอ้างชื่อ นายพล ต.ในพื้นที่ชุมชนเกาะล้านแต่อย่างใด ทั้งนี้อยากให้มีการนำบุคคลที่บอกว่าตนแอบอ้างชื่อ นายพล ต.ไปข่มขู่ชาวเกาะล้าน ให้นำบุคคลคนดังกล่าวออกมายืนยัน ทั้งนี้ยังมีการกล่าวหาว่าตนเป็นมาเฟียและเป็นผู้มีอิทธิพล ซึ่งความเป็นจริงตนไม่ใช่คนแบบนั้น และสิ่งที่ทนายคนดังกล่าวพาดพิงมาเพราะว่า ตัวเองมี นายพล ต. หนุนหลัง จึงอยากตั้งข้อสังเกตว่า การเข้ามาของทนายคนดังกล่าวเข้ามาเพราะเรื่องที่ดินบนเกาะล้านหรือเรื่องอะไรกันแน่
...
เสี่ยบอย กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องปัญหาที่ดินบนเกาะล้านที่เป็นข่าวนั้น ตนยืนยันมีเอกสารหลักฐานในการซื้อขายถูกต้องจากเจ้าของกรรมสิทธิ์ คือ นายอุดม เฟื่องคอน โดยพ่อและอาของตนได้มีการทำสัญญาซื้อขายที่กรมที่ดินอย่างถูกต้อง และหลังจากนั้นลูกของนายอุดม เฟื่องคอน จะไปขายต่ออะไรยังไงไม่รู้ทั้งนี้ตนมีเอกสารจากกรมป่าไม้ จ.ชลบุรี จากเมืองพัทยา และ อ.บางละมุง โดยที่ดินที่เป็นปัญหาผืนนี้มีคนเข้ามาแสดงสิทธิการเป็นเจ้าของถึง 4 ราย เมื่อเห็นเอกสารที่ตนก็ยอมถอย มีเพียงหนึ่งรายที่เดินหน้าแจ้งความตน ทั้งนี้เมื่อกระบวนการไม่ยุติธรรมกับตนก็ขอออกมาปกป้องสิทธิ
"การกล่าวอ้างว่าสนิทกับ นายพล ต. นั้น เพียงแค่รู้จักแต่ไม่เคยสนิทกับ นายพล ต.แต่อย่างใด และขอยืนยันว่าที่มีปัญหาไม่เกี่ยวข้องกับ นายพล ต. แต่อย่างใดเช่นกัน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้น จากความถูกต้องและยืนยันด้วยเอกสารสิทธิ" เสี่ยบอย กล่าว
ด้าน ทนายประทีป นวลเศรษฐ เปิดเผยว่า การเดินทางมาที่ สภ.เมืองพัทยาในครั้งนี้ เพื่อพา เสี่ยบอย มาแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลที่แถลงข่าวเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2567 ที่ สภ.เมืองพัทยา ในข้อหาหมิ่นประมาทจากการโฆษณา โดยกล่าวหาว่าเสี่ยบอย บุกรุกเกาะล้าน ซึ่งคนที่ได้ดูข่าวนี้จะเกลียดชัง เสี่ยบอย บุกรุกพื้นที่ซึ่งอาจจะเป็นที่ป่าสงวนหรือที่สาธารณะ ซึ่งความจริงเรื่องดังกล่าวได้พิสูจน์แล้วว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ส่วนบุคคลและเป็นที่ครอบครอง ไม่ใช่พื้นที่ป่าสงวนแต่อย่างใด ครั้งนี้
"ตนจึงมาแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาท กับผู้ที่เกี่ยวข้องก่อนเบื้องต้น ทั้งนี้หากฝ่ายคู่กรณีมีความสงสัยให้ไปฟ้องที่ศาลเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่าใครเป็นเจ้าของ อย่างไรก็ตามอยากให้ทุกอย่างอยู่ในกระบวนการชั้นศาล และไม่ควรโยงคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องขอที่ดินที่เป็นปัญหา ทั้งนี้เสี่ยบอยได้เปิดเผยหลังแจ้งความว่า ถ้าวันนี้มีคนมาทำร้ายชุมชนเกาะล้านที่ตัวเองเคารพรัก เจ้าตัวจะขอสู้จนแผ่นดินกลบหน้า ซึ่งการพูดพลาดพิงคนเกาะล้านทั้งเกาะนั้น ทั้งที่เกาะล้านทำเงินเข้าประเทศจำนวนมาก และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวรู้จักทั่วโลก การที่มีคนมาพูดจะทำลายเกาะล้านแบบนี้นั้น ตนอยากถามว่าใครกันแน่ที่เป็นมาเฟีย" ทนายประทีป กล่าว