อดีต อส.ประเภทสำรอง โผล่ขอโทษนายอำเภอบางละมุง ทำเสียชื่อเสียง ขอรับผิดชอบเรื่องส่วยน้ำกระท่อม อ้างส่งให้อีกหน่วยงาน เดือนละ 2,000 บาท ต่อร้าน ด้านอำเภอบางละมุง ประกาศล้างบางร้านขายน้ำกระท่อม 4X100
จากกรณีในโลกโซเชียลมีการแชร์คลิปเสียงการสนทนาทางโทรศัพท์ยาวประมาณ 13 นาที โดยมีผู้ชายอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ชุดจับกุมการลักลอบขายน้ำกระท่อม 4X100 เสนอเรียกรับผลประโยชน์ เก็บส่วยน้ำกระท่อม โดยสนนราคาเรียกรับรายเดือน เดือนละ 2,000 บาท มีกำหนดขอเก็บทุกวันที่ 5 ของเดือน แลกกับการแจ้งข่าวการอออกกวาดล้าง เพื่อให้รอดจากการถูกจับกุม ขณะที่ผู้สนทนาปลายสาย แจ้งว่ามีร้านทั้งหมด 4 สาขา ขอต่อรองเหลือร้านละ 1,500 บาท รวมเป็นยอดเงิน 6,000 บาท สร้างความเสื่อมเสียภาพลักษณ์ให้กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอบางละมุงเป็นอย่างมาก ภายหลัง นายวีกิจ มานะโรจน์กิจ นายอำเภอบางละมุง สั่งการให้ปลัดอำเภอบางละมุง รวบรวมหลักฐานเข้าแจ้งความเอาผิดผู้ที่ทำให้อำเภอบางละมุงเสื่อมเสีย พร้อมประสานผู้กำกับ สภ.บางละมุง ตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมไปถึงเส้นทางการเงินของสวนน้ำกระท่อม ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 1 เมษายน 2567 นายแบงค์ (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) อายุ 32 ปี อดีตอาสาสมัครรักษาดินแดน ประเภทสำรอง เดินเข้าพบนายอำเภอบางละมุง และปลัดอำเภอบางละมุง เพื่อยอมรับผิดและขอโทษที่ทำให้หน่วยงานต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ก่อนเปิดใจกับนักข่าว ว่า ตนเองรู้สึกผิดจริงๆ กับการกระทำนี้
โดยสืบเนื่องจาก ก่อนหน้านี้ มีร้านน้องที่ตนเองสนิทมาก เปิดจำหน่ายน้ำกระท่อม แล้วถูกหน่วยงานหนึ่งเข้าทำการจับกุม ตนเองจึงเสนอตัวเข้าช่วยไกล่เกลี่ย เพื่อให้น้องรอดพ้นจากการดำเนินคดี โดยอ้างว่ามีการจ่าย เป็นค่าข้าวไปเป็นเงิน 3,000 บาท ก่อนจะตกลงจ่ายรายเดือนกันเดือนละ 2,000 บาท ต่อร้าน ให้กับหน่วยงานดังกล่าว
...
โดยตนเองได้รับมอบหมายจากหน่วยงานนั้นให้เป็นคนเก็บยอดส่วยน้ำกระท่อม โดยใช้วิธีการโอนเงิน ส่วนบัญชีปลายทางนั้นจะเป็นบัญชีม้าหรือไม่ ตนเองไม่ทราบ ซึ่งหลังจากตนเองได้นำเรื่องราวนี้มาเปิดเผย ก็รู้สึกกลัวว่าจะไม่ปลอดภัย อีกทั้งตนเองเพิ่งจะเริ่มทำไม่ถึงเดือน ส่วนในเรื่องความผิดนั้น ตัวเองยอมรับผิด พร้อมรับโทษตามกระบวนการทางกฎหมายทุกอย่าง
ด้าน น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 31 ปี เล่าว่า เรื่องราวทั้งหมดเป็นไปตามที่นายแบงค์พูด โดยยืนยันว่า นายแบงค์ ไม่เคยพูดถึงว่าเป็นการเคลียร์ส่วยอำเภอ และพูดย้ำมาตลอดว่า อำเภอเคลียร์ไม่ได้ มีแต่การเตือนว่าอำเภอบางละมุงไม่สนับสนุนให้มีการจำหน่ายน้ำกระท่อม และมีการกวาดล้าง หากเลิกขายได้ให้เลิกซะ ส่วนร้านที่โดนจับในวันนั้นเป็นร้านของเพื่อนตนเอง ก็ไม่ได้โดนดำเนินคดีอะไร แต่มีการเจรจาขอเคลียร์ แล้วขอเก็บรายเดือน เดือนละ 2,000 บาท
ขณะที่ นายวีกิจ มานะโรจน์กิจ นายอำเภอบางละมุง ขอยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องการเก็บส่วยใดๆ ซึ่งตอนนี้ก็ได้มอบหมายให้ปลัดอำเภอ รวบรวมเอกสารหลักฐาน ไปยื่นกับพนักงานสอบสวน สภ.บางละมุง ให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มีการอ้างทางอำเภอบางละมุง และหน่วยงานอื่น ในการเรียกเก็บเงินส่วย ว่ามีความผิดในฐานใดบ้าง หากพบมีความผิดในฐานใดก็จะมอบหมายให้ดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด
พร้อมยืนยันว่านโยบายในการปราบปรามน้ำกระท่อม เป็นเป้าหมายสำคัญของรัฐบาล กรมการปกครอง รวมถึงอำเภอบางละมุง ในฐานะอำเภอบางละมุง ก็จะบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปราบปรามอย่างจริงจัง และขอแจ้งให้กับร้านทุกร้านที่เปิดลักลอบจำหน่าย ว่า อำเภอบางละมุง จะกวาดล้าง และขอยืนยันว่าไม่มีการเรียกรับส่วยแต่อย่างใด หากมีใครแอบอ้าง สามารถแจ้งมายังอำเภอบางละมุงได้ทุกเวลา.