ตร.บุกทลายเครือข่ายแก๊งโรแมนซ์สแกม หลอกให้รักนาน 6 ปี ตุ๋นเหยื่อโอนเงิน มูลค่าความเสียหายกว่า 60 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 67 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. กก.2 บก.ป. และ ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหา 5 ราย ดังนี้ 1. น.ส.นนทิกาญจน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 774/2567 ลงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 สถานที่จับกุม ห้องเช่าแห่งหนึ่ง ต.บางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา 2. น.ส.กฤษติกา (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 1142/2567 ลงวันที่ 18 มีนาคม 2567 สถานที่จับกุม อาคารสำนักงานแห่งหนึ่ง แขวงสามพระยา เขตพระนคร กทม. 3. นายก้องภพ (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 1143/2567 ลงวันที่ 18 มีนาคม 2567 สถานที่จับกุม ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ต.บ้านกรด อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา 4. นายจีรศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 1144/2567 ลงวันที่ 18
มีนาคม 2567 สถานที่จับกุม บ้านหลังหนึ่ง ต.วังใหม่ อ.วังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว และ 5. นายวชิระ (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 1141/2567 ลงวันที่ 18 มีนาคม 2567 สถานที่จับกุม บริเวณริมถนน ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
ซึ่งทั้งหมดถูกจับในข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำผิดความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน"
...
สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปี 2559 ผู้เสียหายได้ใช้บริการเว็บไซต์หาคู่เพื่อหาคนคุยในโลกออนไลน์ ปรากฏว่าผู้เสียหายพบกับโพสต์หาคู่ของ "น.ส.ไอซ์" ซึ่งเป็นบุคคลรูปร่างหน้าตาดี ผู้เสียหายจึงได้เพิ่มไอดีไลน์ไปพูดคุยกับบุคคลดังกล่าว ซึ่งบัญชีไลน์ที่อ้างว่าเป็น น.ส.ไอซ์ นั้น เป็นบัญชีไลน์ของคนร้ายที่ปลอมขึ้นมา เพื่อไว้ใช้หลอกลวงเหยื่อ โดยผู้เสียหายได้พูดคุยกับ น.ส.ไอซ์ เรื่อยมาจนเกิดความสนิทสนมชอบพอกัน จนถึงขั้นจะแต่งงานกัน ต่อมา น.ส.ไอซ์ ได้บอกกับผู้เสียหายว่าป่วยเป็นโรคมะเร็งและโรคร้ายแรง ต้องใช้เงินมาเป็นค่ารักษาจำนวนมาก ผู้เสียหายเกิดความเห็นใจ ประกอบกับชอบพอในตัว น.ส.ไอซ์ จึงได้โอนเงินให้กับคนร้ายเรื่อยมา โดย น.ส.ไอซ์ ได้สร้างเรื่องหลอกลวงผู้เสียหายจำนวนมากมายหลายเรื่อง เช่น การชดใช้หนี้สินที่กู้ยืมมา, การชดใช้หนี้ของครอบครัว, ค่าใช้จ่ายอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน, ค่ารักษาพยาบาล, ชักชวนลงทุนเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น
โดยช่วงเวลาเกิดเหตุ กลุ่มผู้ต้องหาได้แวะเวียนกันมาบ้านผู้เสียหาย โดยอ้างว่า น.ส.ไอซ์ ส่งให้มาดูแลผู้เสียหาย ประกอบกับ น.ส.ไอซ์ ได้อ้างว่า เมื่ออาการป่วยดีขึ้นแล้ว จะย้ายมาอยู่บ้านของผู้เสียหาย ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่า น.ส.ไอซ์ มีตัวตนอยู่จริง จึงได้โอนเงินให้กับกลุ่มผู้ต้องหา เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงบ้าน และเป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆ จากการตรวจสอบ พบว่าผู้เสียหายได้มีการส่งมอบทรัพย์สินให้กับคนร้ายไปจำนวนมากกว่า 960 ครั้ง มูลค่าความเสียหาย 63,088,953 บาท
จากการสืบสวน พบว่ากลุ่มคนร้ายได้นำภาพของบุคคลอื่นมาใช้เพื่อหลอกลวงผู้เสียหายจริง และจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มคนร้าย พบว่าคนร้ายได้ใช้บัญชีของกลุ่มคนร้ายเองมารับเงินจากผู้เสียหาย โดยอ้างเป็นบุคคลใกล้ชิดกับ น.ส.ไอซ์ เมื่อได้รับเงินจากผู้เสียหายแล้ว จะมีการโยกย้ายถ่ายเทเงินที่ได้จากการกระทำความผิดไปยังบัญชีของกลุ่มคนร้ายรายอื่น และได้ทำการแปลงสภาพเป็นทรัพย์สินอื่นและอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งรถยนต์และของแบรนด์เนมต่างๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ยื่นคำร้องขออนุมัติหมายจับจากศาล ต่อมาศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับ จำนวน 5 หมาย เมื่อวันที่ 19-20 มีนาคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด บก.ป. ร่วมกันตรวจค้นและจับกุมกลุ่มผู้ร่วมกระทำความผิด โดยแบ่งเป็นพื้นที่ กทม. จำนวน 1 จุด จ.พระนครศรีอยุธยา 3 จุด และ จ.สระแก้ว 1 จุด สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 5 ราย สามารถตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด อาทิเช่น โทรศัพท์มือถือ 11 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร บัตรกดเงินสด บัตรเครดิต รวม 13 รายการ และตรวจยึดพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง กระเป๋าและรองเท้าแบรนด์เนม และทรัพย์สินอื่นๆ อีกจำนวนหลายรายการ
จากการสอบถามเบื้องต้น น.ส.นนทิกาญจน์ ผู้ต้องหาที่ 1 ให้การรับสารภาพว่า ได้นำภาพถ่ายของบุคคลอื่นมาใช้สร้างตัวตนปลอม เพื่อหลอกลวงผู้เสียหายจริง โดยจะนำรูปและไอดีไลน์ไปโพสต์ในเว็บไซต์หาคู่หาคนคุยต่างๆ เมื่อมีเหยื่อลงเชื่อแอดไลน์มา ก็จะพูดคุยสร้างความสนิทสนมเชิงชู้สาว โดยผู้เสียหายในคดีนี้แอดไลน์มาพูดคุยจนสนิทสนมแล้ว จึงได้สร้างเรื่องราวต่างๆ เพื่อหลอกลวงให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและโอนเงินให้ ส่วนเงินที่ได้รับโอนมานั้น ก็จะนำมาแบ่งสันปันส่วนมากน้อยต่างกันในกลุ่ม และนำไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม เที่ยวต่างประเทศ ซื้อที่ดิน รวมถึงทรัพย์สินมีค่าต่างๆ จำนวนมาก
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจขอแจ้งเตือนประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน โปรดใช้ความระมัดระวังในการใช้บริการแอปพลิเคชัน หรือเว็บไซต์หาคู่ออนไลน์ นอกจากจะทำให้เสียใจแล้ว ยังอาจทำให้เสียทรัพย์สินอีกเป็นจำนวนมาก และขอให้ใช้สื่อออนไลน์อย่างรู้เท่าทันแก๊งโรแมนซ์สแกมและมิจฉาชีพ ที่มาในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ไม่ควรเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว และไม่โอนเงินให้กับบุคคลที่ไม่รู้จัก ทั้งนี้ ขอประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนที่คิดว่าเคยถูกกลุ่มคนร้ายดังกล่าวหลอกลวง สามารถติดต่อมายัง กก.2 บก.ปอท. เพื่อประสานข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป