ตร.กันทรารมย์ นำสาว จนท.ศาล ยิง 4 นัด ดับ "ทนายป๋อง" คาบ้านพัก ไปฝากขังต่อศาล จ.ศรีสะเกษ โดยอ้างยิงเพื่อป้องกันตัว หลังถูกทนายพยายามหยิบมีดมาทำร้าย พร้อมขู่ฆ่า หลังมาทวงเงิน ก่อนถูกพูดจาดูถูก เหยียดหยามเป็นผู้หญิงสำส่อน ทำตัวเหมือนผู้หญิงขายบริการ และด่าถึงบุพการี


จากกรณี นางชัญญาพรรณ สิริโรจน์กมล อายุ 56 ปี เจ้าหน้าที่ศาลยุติธรรมชำนาญงาน ประจำศาลแห่งหนึ่งในจังหวัดศรีสะเกษ ควงปืนลูกโม่ ขนาด .38 ยิงนายกฤษณ์ อนุสินธิ์ หรือทนายป๋อง อายุ 64 ปี เสียชีวิตคาบ้านพัก จากนั้นผู้ก่อเหตุได้เดินเท้าถืออาวุธปืนเข้าไปมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.กันทรารมย์ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น 


ล่าสุดวันที่ 19 มี.ค. 67 พ.ต.อ.ธัชพงศ์ พรหมมา ผกก.สภ.กันทรารมย์ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุผู้ต้องหาได้เดินมาขอพบตน คำแรกที่ผู้ต้องหาพูดกับตนคือได้ไปก่อเหตุยิงคนตายมา โดยอ้างถึงสาเหตุที่ยิงว่าป้องกันตัว แต่รายละเอียดไม่ขอให้การในชั้นสอบสวน ยืนยันจะไปให้การในชั้นศาล ส่วนมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุคือเรื่องส่วนตัว และผู้ต้องหาไม่ประสงค์ไปทำแผน เพราะกลัวไม่ปลอดภัย ส่วนการตั้งข้อหาคือฆ่าคนตายโดยเจตนา มีอาวุธปืนและยิงปืน 

...


ซึ่งขณะสอบสวนผู้ต้องหามีสีหน้าเคร่งเครียด และพยายามหลบหน้าสื่ออยู่ตลอดเวลา ต่อมาเวลา 11.45 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาออกมาจากห้องสอบสวน และนำตัวขึ้นรถยนต์ส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดศรีสะเกษ ขณะผู้ต้องหาเดินขึ้นรถยนต์ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามกับผู้ต้องหาว่า ลงมือยิงทนาย มีเรื่องทะเลาะกันเรื่องอะไร มูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุคืออะไร แต่ผู้ต้องหาไม่ยอมเปิดปากพูดแต่อย่างใด ขณะเดียวกัน ภรรยาของผู้ตาย ได้เดินผ่านหน้าผู้สื่อข่าว พร้อมกับพูดลอยๆ ว่า พี่ขอร้องให้ความเป็นธรรมกับพี่ด้วย จากนั้นได้เดินขึ้นรถไป โดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด


ทั้งนี้ จากข้อมูลการสอบปากคำ จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การกับพนักงานสอบสวนว่า เครียดและปวดหัวเรื่องส่วนตัวระหว่างทนายป๋องมาเป็นเวลา 2 สัปดาห์ โดยวันเกิดเหตุ นายกฤษณ์ หรือทนายป๋อง ได้โทรมาหาตน ตนจึงถามทนายป๋องว่าอยู่ไหน ทนายป๋องก็ตอบว่าอยู่บ้าน หลังจากนั้นได้นัดกินข้าวเที่ยงด้วยกันที่บ้านของทนายป๋อง โดยตนขับรถเก๋งยี่ห้อ Toyota Yaris ทะเบียน กจ 5400 ศรีสะเกษ เข้าไปหาทนายป๋องที่บ้าน เมื่อไปถึงทนายป๋องได้เปิดประตูด้วยรีโมตให้ตนขับรถเก๋งเข้ามาจอดไว้หลังบ้าน ที่ตนเคยจอดเป็นประจำ หลังจากที่จอดรถเสร็จ ทนายป๋องจึงเดินมาเปิดประตูบ้านฝั่งทิศตะวันออกให้ตนเข้าไปในบ้าน และเข้าไปคุยกันในห้องนอนของทนายป๋องที่อยู่ชั้นล่างของบ้าน


ส่วนเหตุจูงใจในการลงมือก่อเหตุ ตนเองได้ทวงเงินจากทนายป๋องคืน แต่ทนายป๋องด่ากลับด้วยการดูถูกเหยียดหยามว่าตนเองเป็นผู้หญิงสำส่อน แต่ละวันคิดแต่เรื่องมีเพศสัมพันธ์ ทำตัวเหมือนผู้หญิงขายบริการ ใครเอาเป็นเมียก็มีแต่อับอาย ผู้หญิงร้อยผัว และด่าถึงบุพการี จากนั้นด้วยความโกรธ ตนจึงกรีดร้องออกมาด้วยความโมโห กระทั่งมีการยื้อยุดฉุดกระชากกัน


ต่อมาทนายป๋องขู่ว่ากูจะฆ่ามึง จากนั้นทนายป๋องก็วิ่งไปหยิบมีดในห้องครัว และด้วยความกลัว ตนจึงเดินไปหยิบปืนที่กระเป๋าสะพายที่วางอยู่บนโต๊ะคอมพ์ ที่อยู่ห่างจากตัวไม่ถึงเมตร และในขณะที่ทนายป๋องวิ่งเข้ามาหา จึงยิงสวนไปเพื่อป้องกันตัว จำไม่ได้ว่ายิงไปกี่นัด หลังจากที่ตนยิงทนายป๋อง ได้เดินจากบ้านของผู้ตายมาที่สถานีตำรวจเพื่อมอบตัว โดยขณะนั้นยืนยันไม่รู้ว่าทนายป๋องเสียชีวิตหรือไม่ ส่วนปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นปืนของตนที่พกพาติดตัวเป็นประจำ และปืนที่ใช้ก่อเหตุก็เป็นปืนที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย


ด้าน นางจิภัทร พันธ์วิลัย อายุ 50 ปี เพื่อนร่วมงานผู้ต้องหา เปิดเผยว่า ตนรู้จักกับผู้ก่อเหตุมานานกว่า 10 ปีแล้ว เจอกันครั้งแรกที่หมู่บ้านของตน เนื่องจากผู้ก่อเหตุมาหาหมอดูที่หมู่บ้านนี้ และได้พูดคุยกันจนถูกคอและเริ่มสนิทสนมกันพอสมควร มีการโทรศัพท์พูดคุยและนัดทานข้าวกันบ่อยครั้ง ผู้ก่อเหตุเป็นคนนิสัยดี เท่าที่ได้คบกันมา  บางครั้งผู้ก่อเหตุก็จะเล่าเรื่องต่างๆ ระบายให้ตนฟัง โดยเฉพาะเรื่องของทนายป๋อง ซึ่งตนพยายามบอกให้เขาถอยออกมา แต่เขาสูญเสียแบบมหาศาลกับผู้ชายคนนี้ ที่เคยไปยืมเงินเขา ไม่เคยคืนสักที ถามว่าเยอะไหม เขาบอกแค่ว่ามหาศาล ตัวเลขเกินหลักล้าน ส่วนความสัมพันธ์ส่วนตัวของทั้งสองคนนี้ ตนก็ไม่รู้ว่ามีสัมพันธ์กันแค่ไหน แต่ตนเคยเตือนให้ถอยออกมาแล้วหลายครั้ง จนต้องหมดรถยนต์เก๋ง รถตู้ และล่าสุดจนต้องขายนา ซึ่งที่นาก็หมดกับผู้ชายคนนี้ ที่มาในวันนี้ก็เพื่อมาให้กำลังใจผู้ก่อเหตุ มาดูแลพี่เขาในฐานะคนรู้จักมักคุ้นกันเท่านั้นเอง.

...