"อัจฉริยะ" บุกสอบสวนกลาง ร้องเอาผิด ม.157 ป.ป.ช. หลังรับทำคดี "บิ๊กโจ๊ก" ปมพัวพันคดีเว็บพนันมินนี่ และเรียกคดี "พ.ต.อ.ภาคภูมิ" จากอัยการกลับมาทำอีกด้วย
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 12 มีนาคม 2567 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรรม เข้าพบ พ.ต.ต.ทิฆัมพร ทองกลอย สว.(สอบสวน ) กก.5 บก.ปปป. เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กับพวก ตามความผิด ม.157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ที่มีการรับคดี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไปทำเอง และมีการเรียกคดีของ พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย จากอัยการกลับมาทำอีก เชื่อว่านี่คือการช่วยเหลือ
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กับพวก และ น.ส.สุภา กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีความสนิทสนมกันส่วนตัว ในคดีที่มีการไต่สวนภาครัฐ 1 ที่อยู่ในความดูแลของ น.ส.สุภา จะไม่มีการชี้มูลความผิด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เลย ส่วนคนที่ถือครองทรัพย์สินของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ คาดว่าจะมีการออกหมายเรียกในฐานะผู้ต้องหา ฐานฟอกเงิน
ส่วนความสัมพันธ์ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กับ น.ส.สุภา ขณะนี้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบความสัมพันธ์แล้ว
นายอัจฉริยะ กล่าวต่อว่า อีก 1 ประเด็น คือเรื่องที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ได้นำความลับทางราชการเป็นภาพกล้องวงจรปิดที่บ้านกำนันนกไปเผยแพร่ เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 66 ที่ผ่านมา ทั้งที่เป็นความลับในสำนวนที่ไม่สามารถเปิดเผยภายนอกได้ ถือว่ามีความผิดตาม ม.157 เจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และ ม.164 ป.วิอาญา เปิดเผยความลับทางราชการ ตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร ซึ่งหลักฐานส่วนนี้ทำให้พนักงานอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ม.157 ตำรวจหลายนาย และผู้ต้องหายังสามารถใช้ภาพตรงนี้สู้คดีได้อีกด้วย อีกทั้งการเผยแพร่ภาพดังกล่าวไม่ได้รับมอบหมายจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งภาพกล้องวงจรปิดควรจะเป็นความลับในสำนวนคดี
...
ส่วนกรณีที่พบว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีการฟอกเงินจากการขายพระนั้น นายอัจฉริยะ อ้างว่า ทราบมาว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นนายหน้าให้ระหว่างอดีตข้าราชการกับเซียนขายพระชื่อดังย่านเมืองชลฯ โดยได้รับค่านายหน้ามาประมาณกว่า 10 ล้านบาท ก่อนจะนำเงินไปซื้อปืน ซึ่งเรื่องนี้ตนจะยื่นเรื่องให้กับสรรพากร ในวันที่ 22 มีนาคมนี้ เพื่อให้ตรวจสอบถึงเส้นเงินส่วนนี้ว่ามีการเสียภาษีด้วยหรือไม่