ตำรวจจับสาวคนสนิท เผานั่งยางในบ่อขยะ จ.ขอนแก่น สารภาพเพื่อนสำลักอาหารตาย กลัวความผิด จึงไม่แจ้งญาติ และตร. ก่อนห่อศพข้ามจังหวัด เก็บยางรถยนต์เก่า เผาเพื่อนทิ้ง ถูกนำตัวไปทำแผน ยอมรับเผากับมือ แต่ไม่ได้ฆ่า จนท.ยันต้องสืบต่อเพราะหลายประเด็นน่าสงสัย
จากกรณีพบศพหญิงถูกฆาตกรรมเผานั่งยางในบ่อขยะ ที่อยู่ทิศตะวันออกหมู่บ้านหนองดู่ หมู่ 4 ต.ละหานนา อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น ที่อำเภอแวงน้อย จ.ขอนแก่น ซึ่งเหลือแต่โครงกระดูกในท่าขดตัว ในที่เกิดเหตุพบเศษเส้นผมตกอยู่เป็นกระจุกและขดลวดยางรถยนต์ในที่เกิดเหตุ เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 67 ที่ผ่านมา ซึ่งต่อมาทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ส่งตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลทราบว่าเป็นเพศหญิง อายุไม่เกิน 35 ปี สูงประมาณ 160 ซม. และยังพบว่ามีรอยถูกของมีคมที่บริเวณด้านหลังตามข่าวที่ได้นำเสนอไปอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ (25 ก.พ.) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนคลี่คลายคดีดังกล่าว สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 1 คน คือ น.ส.ไพจิตร คนคิด หรือไก่ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 172 หมู่ที่ 4 ต.ละหานนา อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น ส่วนผู้ตาย ทราบชื่อว่า น.ส.เบญญาภา ปาณพันธ์ประภา หรือเป้ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 83/76 หมู่ 20 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดยจับกุมตัวได้ที่บ้านพัก ในหมู่บ้านหนองดู่ พร้อมรถยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า แจ๊ซ สีขาว ทะเบียน 1กค-4384 กรุงเทพฯ โทรศัพท์มือ ยี่ห้อซัมซุง สีเทา จำนวน 1 เครื่อง และ โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ แซดทีอี สีดำ จำนวน 1 เครื่อง เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา พร้อมคุมตัว ชี้จุดที่เกี่ยวข้องประกอบคำรับสารภาพ ทั้งจุดที่ตระเวนหายางรถยนต์เก่าในหมู่บ้าน จุดที่ซื้อน้ำมัน และจุดที่เผา ก่อนคุมตัวมาสอบปากคำที่ สภ.แวงน้อย ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน
...
การสอบสวนเบื้องต้นให้ นางสาวไก่ให้การรับสารภาพว่า รู้จักและสนิทกับเป้มานาน เป้ได้มาอยู่ด้วยที่บ้าน 7 ปีแล้ว ก่อนเกิดเหตุ เมื่อวันที่ 12 ก.พ. 67 ได้พากันเดินทางไปดูบ้านของเป้ ที่สมุทรปราการ จากนั้นก็ได้รับประทานอาหารเที่ยงด้วยกัน จู่ๆ เป้มีอาการสำลักอาหาร และชักกระตุก หมดสติและสิ้นใจตาย จึงได้ใช้ผ้าห่อร่างเป้ ขึ้นรถเก๋งฯ กลับมาที่บ้านพัก ที่บ้านหนองดู่ อำเภอแวงน้อย จ.ขอนแก่น
ต่อมาเวลา 11.00 น. ที่ สภ.แวงน้อย พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ รองผบก.ภ.จว.ขอนแก่น และ พ.ต.อ.สมมาตย์ มั่งไธสง ผกก.สภ.แวงน้อย พ.ต.อ.พรศักดิ์ งามดี ผกก.สส.ภ.จว.ขอนแก่น ยังร่วมกันสอบสวน น.ส.ไพจิตร คนคิด โดยให้การรับสารภาพว่าเป็นคนเผานั่งยาง เป้ หรือ น.ส.เบญญาภา ปาณพันธ์ประภา หรือ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 83/76 หมู่ 20 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ สาเหตุที่เผา เนื่องจากวันที่ 12 ก.พ. 67 ได้เดินทางไปดูบ้านเป้ จ.สมุทรปราการ ขณะกินข้าวเที่ยง เป้สำลักข้าวและขาดใจตาย จึงนำร่างกลับมาบ้านที่ อ.แวงน้อย จากนั้นหายางรถยนต์เก่า แล้วนำร่างเป้ไปเผานั่งยางที่บ่อขยะทิศตะวันออกหมู่บ้านหนองดู่ หมู่ 4 ต.ละหานนา อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น ที่อำเภอแวงน้อย จ.ขอนแก่น หลังลงมือเผาก็กลับไปอยู่ที่บ้าน กระทั่งตำรวจไปพบตัว
ขณะเดียวกันได้มี นางประยูร ปีแก้ว อายุ 63 ปี ป้าของไก่ พร้อมญาติพี่น้องนำข้าวและอาหารเดินทางเข้าเยี่ยมไก่ แต่ตำรวจแจ้งว่า อยู่ระหว่างการสอบสวน และได้ให้รับประทานอาหารไปแล้ว นางประยูรและญาติจึงนั่งรอที่หน้าสภ.แวงน้อย
นางประยูร ปีแก้ว อายุ 63 ปี ป้าของไก่ เปิดเผยว่า ไม่ทราบข้อเท็จจริงอะไรเกี่ยวกับสาเหตุที่ไก่ถูกจับกุมตัวมา เพราะก่อนหน้านี้เห็นไก่กับเป้ อยู่ด้วยกัน รักใคร่กัน ช่วยกันทำมาหากิน ทั้งยังรับหลานชายมาเลี้ยงเป็นบุตรจนอายุได้ 6 ขวบแล้ว ไม่เคยเห็นทะเลาะกัน ช่วงเทศกาลต่างๆ ก็พากันไปเที่ยว ไม่มีอะไรที่ผิดปกติ โดยเฉพาะไก่ เป็นคนดีมาก พ่อแม่ มีลูก 2 คน แต่พี่ชายไก่ตายไปแล้ว 6 ปี ไก่ก็ทำมาหากินเลี้ยงพ่อ พิการตัดขา แม่ที่ร่างกายไม่แข็งแรงมาตลอด จนมีเป้มาอยู่ด้วย ทั้งคู่ก็อยู่กันเหมือนเพื่อนพี่น้องที่รักใคร่กันตลอด ส่วนที่ไก่ถูกจับก็ไม่รู้เรื่องด้วย กระทั่งแม่ของไก่มาบอกว่า ให้เอาข้าวกับปลาร้าบองมาเยี่ยม จึงเดินทางมาเยี่ยม แต่ยังไม่เห็นหน้ากัน
ในขณะเดียวกันก็พบว่า รถยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า แจ๊ซ สีขาว ทะเบียน 1กค-4384 กรุงเทพมหานคร คันที่ไก่ใช้เป็นยานพาหนะ นำร่างของเป้ พร้อมยางรถยนต์ไปเผานั่งยางที่บ่อขยะ จอดไว้ยังที่จอดรถของสภ.แวงน้อย ภายในรถพบว่า เบาะหลังถูกถอดออก และมีกะละมังใส่ถ่านหุงต้ม วางไว้ที่บริเวณที่ตั้งเบาะหลัง ซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะวางไว้ดับกลิ่นเหม็นในรถ
...
ซึ่งการสอบสวนเพิ่มเติมนั้น ผู้ต้องหาให้การเพิ่มเติมว่า ใช้ผ้าห่อศพจากสมุทรปราการมาจนถึงบ้านที่อ.แวงน้อย โดยก่อนจะนำร่างผู้ตายขึ้นรถนั้น ได้เอาที่นอนลากคนเดียว ส่วนการนำศพไปลงในบ่อขยะนั้น ทำคนเดียว ลากศพลงจากรถลงไปในบ่อขยะแล้วเอาน้ำมันราด ส่วนยางวางลงทีหลัง แล้วเทน้ำมันราดแล้วจุดไฟ พร้อมกล่าวกับผู้ตายว่า อย่าเน่าอย่าเหม็น ไปเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ โดยก่อนเผานั้น ไปซื้อน้ำมันที่ปั๊ม 100 บาท เสร็จแล้วไปรับลูกที่กำลังเลิกเรียนแล้ว จากนั้นก็ขับรถไปร้านสะดวกซื้อ เสร็จแล้วก็ขับรถวนไปเรื่อยๆ ถึง 16.00 น. ก็ขับเข้ามาบ่อขยะและลงมือเผาเลย
จากนั้นตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บ่อขยะ โดยได้อุ้มร่างคนตายลงจากรถไปวางไว้ที่ขอบบ่อขยะ แล้วขนยางรถยนต์นำไปสไลด์ลงไปที่บ่อขยะทั้ง 2 เส้น จากนั้นลากร่างคนตายไปยัดใส่ยางรถยนต์ แล้วราดน้ำมัน ทำการเผานั่งยางคนตาย แล้วก็กลับบ้าน
ภายหลังการทำแผน พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ รองผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าวว่า การสอบสวน นางสาวไก่ นั้น ยอมรับเพียงว่า ได้นำร่างของเป้มาเผานั่งยางที่บ่อขยะ ในช่วงเย็นวันที่ 13 ก.พ. 2567 จริงๆ แต่ไม่ได้ฆ่า เพราะเป้สำลักข้าวแล้วหมดสติเสียชีวิตเอง ซึ่งในจุดนี้ ตำรวจก็ยังไม่ปักใจเชื่อ ยังต้องสอบสวนพยานแวดล้อม รวมทั้งสอบสวนญาติผู้ตาย และการที่นำร่างผู้ตายใส่ท้ายรถเก๋งไว้นั้น ก่อนจะนำไปเผานั่งยางนั้น ผู้ต้องหาใช้ชีวิตอย่างไร เพราะเท่าที่ทราบผู้ต้องหามีบุตรบุญธรรม 1 คนที่ต้องไปรับและส่งที่โรงเรียน และยังต้องดูแลพ่อแม่ ซึ่งยังต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติมในส่วนที่พนักงานสอบสวนติดใจ
...
จากการรับสารภาพในขณะนี้ ผู้ต้องหาให้การว่า ทำทุกขั้นตอนคนเดียว ไม่มีใครอื่นมาเกี่ยวข้องด้วย และไม่มีความเคียดแค้นกับผู้ตาย เป็นเพียงแค่การไม่กล้าบอกญาติ ไม่กล้าแจ้งตำรวจเพราะกลัวความผิด แต่การนำศพมาเผานั่งยาง ก็มีความผิดในข้อหาลักทรัพย์หรือรับของโจร ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิด การตายหรือเหตุแห่งการตาย เพราะรถเก๋งคันที่ใช้บรรทุกศพมาจากจังหวัดสมุทรปราการนั้น เป็นของผู้ตาย จึงถูกจับกุมในข้อหา ลักทรัพย์หรือรับของโจร ส่วนการขนย้ายศพคนตาย และเผานั่งยางนั้น ได้แจ้งข้อหาซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิด การตายหรือเหตุแห่งการตาย อย่างไรก็ตามตำรวจเชื่อว่าลูกชายน่าจะเห็นการกระทำของผู้ต้องหาทั้งหมด
ด้าน พ.ต.อ.พรศักดิ์ งามดี ผกก.สส.ภ.จว.ขอนแก่น การรับสารภาพ ยังไม่เคลียร์ ยังมีประเด็นที่น่าสงสัยที่ยังต้องสืบสวนสอบสวนต่อ เนื่องจากทั้งคู่คบหากันใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน คนตายเป็นดี้ ส่วนนางสาวไก่เป็นทอม ที่ใช้ชีวิตภายในบ้าน นางสาวไก่ด้วยกันมา 7 ปี แต่ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา นางสาวไก่เปลี่ยนคราบตัวเองจากทอม มาเป็นหญิงสาวเต็มตัว และมักจะบอกกับคนอื่นว่าตัวเองโสด จนมีปัญหาชีวิตคู่ สุดท้ายเป้ก็เสียชีวิต และการชันสูตรศพก็มีบาดแผลของมีคมที่แผ่นหลังคนตาย จึงยังไม่เคลียร์ ในคำรับสารภาพของนางสาวไก่ ที่จะต้องมีการสืบสวนสอบสวนต่อไปอีก หากพบมีคนที่เกี่ยวข้องก็ต้องทำการจับกุมและดำเนินคดีตามกฎหมายและแจ้งข้อหาเพิ่มกับนางสาวไก่
...