ผบ.ตร. พูดถึงกรณี ผกก.สส.ภ.จว.นครนายก ยศ พ.ต.อ. ก้มกราบ พ.ต.ท. ในห้องทำงานผู้การฯ ขณะเรียกลูกน้อง 3 คนไปให้ปากคำถูกบังคับให้เก็บส่วย บอกตำรวจมีสองแสนคนจะรู้พฤติกรรมทุกคนคงไม่ได้ ชี้หมดยุคตำรวจรีดไถแล้ว นิ้วไหนร้ายก็ตัดทิ้ง 


กรณีเหตุการณ์เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 67 เวลาประมาณ 18.00 น. ตำรวจ ยศ พ.ต.อ.ก้มกราบ พ.ต.ท. ที่ห้องผู้กำกับการ สภ.เมืองนครนายก หลังมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวน "ผู้กำกับการสืบสวน" ตำรวจภูธรจังหวัดนครนายก ถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงและเกิดความผิดชัดแจ้งต่อผู้บังคับบัญชา  ล่าสุด มีคำสั่งตำรวจภูธรภาค 2 เรียกให้ พ.ต.อ. ผู้กำกับการสืบสวนภูธรจังหวัดนครนายก ที่ก้มกราบ ไปช่วยราชการและรักษาราชการแทน โดยขาดจากตำแหน่งเดิม 

เรื่องนี้ พันตำรวจเอก ยงยุทธ มาศิริ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครนายก เปิดเผยว่า คลิปก้มกราบที่ปรากฏ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 6 โมงเย็นแล้ว ซึ่งในวันดังกล่าวทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครนายก ได้เรียกสามตำรวจ (ผู้ร้องเรียน) มาสอบถามข้อเท็จจริงตั้งแต่ช่วงบ่ายจนถึงช่วงเย็น ปรากฏว่า "พันตำรวจเอก" ได้เดินทางมาที่สำนักงานของผู้บังคับการฯ พยายามเคาะประตูเพื่อจะขอเข้าไปพบภายในห้องทำงานของผู้บังคับการฯ 

โดย "พันตำรวจเอก" มารอพบผู้การฯ ตั้งแต่เที่ยง แต่ผู้การฯ นัดกลุ่มสามนายตำรวจที่ร้องเรียนตอนบ่ายสองโมง ทันทีที่ทั้งสามมาถึงก็เข้าไปพบผู้การฯ แต่ "พันตำรวจเอก" พยายามจะเข้าไปด้วย ซึ่งทางผู้การฯ ไม่ได้บอกให้ "พันตำรวจเอก" มาพบแต่อย่างใด


จากนั้น ผู้การฯ ได้บอกให้ "พันตำรวจเอก" ออกไปก่อน เพราะไม่พร้อมและไม่สะดวกที่จะให้เข้าพบ แต่พันตำรวจเอกไม่ยอมไป จึงไปยืนเคาะกระจกหน้าห้องผู้การฯ อีก กระทั่งทางผู้การฯ ได้ให้ตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองนครนายก มาทั้งหมด 8 นาย เพื่อเชิญตัว "พันตำรวจเอก" ดังกล่าวออกไปจากสำนักงานผู้บังคับการฯ ให้ไปรอข้างนอก

...


ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.วุฒิพงษ์ ตั้งมหากิจศิริ ซึ่งมาเยี่ยมผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครนายก ได้เดินออกมาจากห้องทำงานของผู้การฯ เพื่อห้าม "พันตำรวจเอก" ก่อนที่ "พันตำรวจเอก" คนดังกล่าวจะก้มลงกราบ "พันตำรวจโท" พร้อมกับพูดคำว่า "ขอโทษครับ"


อย่างไรก็ตามหลังจากได้รับเรื่องร้องเรียนทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครนายก ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง พร้อมรายงานผู้บังคับบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 จากนั้นสั่งให้ "พันตำรวจเอก" ย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ ที่ ศปก.ตร. ตำรวจภูธรภาค 2 ระหว่างที่มีการตั้งกรรมการสอบสวน ซึ่งมีกรอบระยะเวลาในการสอบสวน 60 วัน หากมีเหตุจำเป็นก็จะขยายเวลาการสอบสวนออกไปอีก


ส่วนมีมูลข้อเท็จจริงว่า "พันตำรวจเอก" บังคับให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปเรียกรับผลประโยชน์ประชาชนหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบรายละเอียด ขณะนี้อยู่ในช่วงคณะกรรมการดำเนินการสอบสวน รายละเอียดเชิงลึกที่ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้ง 3 นาย มาร้องเรียนนั้น ตนก็ไม่ทราบรายละเอียดเช่นกัน รวมทั้งประเด็นที่ "พันตำรวจเอก" ก้มกราบ "พันตำรวจโท" ด้วยเหตุผลอะไรต้องไปถามเจ้าตัวเอง ซึ่งทราบว่าพันตำรวจโทเป็นรุ่นน้องของพันตำรวจเอก  


ขณะที่ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีตำรวจยศ "พ.ต.อ." ในพื้นที่ จ.นครนายก ก้มกราบตำรวจยศ "พ.ต.ท." หลังถูกลูกน้อง 3 นาย ร้องเรียนว่า "พ.ต.อ." สั่งให้มีการเก็บส่วยจากประชาชนในพื้นที่ พ.ต.ท.พร้อมพวกได้ร้องเรียนไปยังต้นสังกัดจนมีการเรียกสอบและมีภาพ พ.ต.อ.ก้มกราบว่า ได้สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งมีกรอบระยะเวลาตามกฎหมายอยู่ เบื้องต้นให้ผู้ถูกร้องมาทำงานที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดนครนายกก่อน 


ถามว่าหลักฐานหรือข้อเท็จจริงต่างๆ มักจะหายไปหลังมีการตรวจสอบ เพราะอาจจะมีการช่วยเหลือ ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า ถ้าใครมีหลักฐานเพิ่มเติมก็สามารถส่งมาให้ตรวจสอบได้ ส่วนการตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ถูกร้องตอนนี้อยู่ในกระบวนการแล้ว เบื้องต้นตนรู้จัก "พ.ต.อ." นายนี้ดีเพราะเคยเป็นลูกน้องของตน ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นตำรวจที่ดีแต่ตอนนี้ไม่ทราบ จะต้องมีการตรวจสอบย้อนหลัง


ด้าน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. กล่าวว่า การตรวจสอบมีขั้นตอนอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้ต้องให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครนายก เป็นผู้ตรวจสอบก่อนเบื้องต้นและรายงานขึ้นมาตามลำดับชั้น ซึ่งบ้านตัวเองก็ต้องเก็บกวาดให้ดี ตนก็ได้มอบอำนาจในการบริหารให้แล้ว 


ส่วนที่มีข้อมูลว่า "พ.ต.อ." เคยมีพฤติกรรมแบบนี้ในหลายพื้นที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนยังไม่ทราบ ขอตรวจสอบก่อน ตำรวจกว่าสองแสนนาย จะรู้พฤติกรรมของทุกนายไม่ได้ แต่ถ้ามีพฤติกรรมไม่ดีก็ต้องตรวจสอบก่อน นิ้วไหนร้ายก็ต้องตัดนิ้วนั้น หมดยุคที่จะมารีดไถพี่น้องประชาชนแล้ว ปัจจุบันองค์กรที่จะตรวจสอบตำรวจมีเยอะอยู่แล้ว