เตือนภัยร้านค้า มิจฉาชีพที่เชียงรายมากันเป็นกลุ่ม ทำทีมาเลือกซื้อของ ตอนคิดเงินยื่นแบงก์ร้อยให้ แต่อ้างว่าจ่ายแบงก์พัน พอโดนทักท้วงก็ออกท่าทีโวยวายเสียงดังว่าใช่ จนแคชเชียร์สับสน สุดท้ายต้องยอมจ่ายเงินทอนไปหลายร้อย กว่าฝ่ายไอทีจะมาตรวจกล้องวงจรปิด คนร้ายก็หนีไปไกลแล้ว
วันที่ 19 ก.พ. 67 ผู้สื่อข่าวติดตามกรณีที่ร้านค้าปลีกค้าส่งแถวในตัวเมืองเชียงราย ถูกกลุ่มมิจฉาชีพทำทีมาเลือกซื้อสินค้า แต่ตอนคิดเงินอ้างว่าจ่ายแบงก์พัน ทั้งที่ความเป็นจริงจ่ายแบงก์ร้อย มีผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนหนึ่ง ถึงแม้ยอดความเสียหายจะไม่มาก แต่ก็กระทบกับรายได้ของพนักงานที่หาเช้ากินค่ำ จึงต้องการจะเตือนภัยสังคมว่ามีกลุ่มมิจฉาชีพที่มีพฤติกรรมดังกล่าวในพื้นที่ จ.เชียงราย เพื่อที่บรรดาร้านค้าจะได้เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ หจก.คงการค้า เลขที่ 191/2 ม.9 ต.รอบเวียง อ.เมืองเชียงราย เพื่อสอบถามเหตุการณ์กับ น.ส.อาภัสรา ตุ่นแก้ว อายุ 29 ปี แคชเชียร์ผู้ประสบเหตุ เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 12.30 น. วันที่ 13 ก.พ. ที่ผ่านมา ตอนนั้นมีลูกค้ามาซื้อขนมเวเฟอร์ และมาจ่ายเงินที่ช่องหมายเลข 7 ที่ตนยืนคิดเงินอยู่ ค่าสินค้า 92 บาท คนที่มาซื้อเขายื่นเงินมาให้ ตนก็เห็นอยู่ว่าได้รับแบงก์ร้อยมา ก็เอาใส่ในลิ้นชักเก็บเงิน และทอนเงินไปให้เขา 8 บาท แต่พอได้รับเงินทอน เขาก็โต้แย้งว่าจ่ายแบงก์พันมาให้ทำไมได้เงินทอนแค่ 8 บาท และเริ่มมีการโวยวายเสียงดังขึ้น จนลูกค้า และพนักงานคนอื่นเริ่มหันมามอง คนจ่ายเงินก็เดินไปโวยวายที่หน้าออฟฟิศ ประกอบกับคนที่มาด้วยกันกับลูกค้าคนดังกล่าวก็มีท่าทีไม่ค่อยพอใจ ตนก็เลยเริ่มสับสนว่าได้รับแบงก์อะไรมากันแน่ จึงไปเรียกผู้จัดการให้มาช่วยดู แต่ตอนนั้นเป็นช่วงพักเที่ยงของฝ่ายไอที จึงยังไม่สามารถตรวจสอบกล้องวงจรปิดได้ในทันที ก็เลยตัดสินใจจ่ายเงินทอนเพิ่มให้คนดังกล่าวไปอีก 900 บาท กว่าฝ่ายไอทีจะกลับจากพักเที่ยง และมาตรวจสอบกล้องวงจรปิดให้ คนกลุ่มนี้ก็ออกร้านไปไหนแล้วก็ไม่รู้ และจากกล้องวงจรปิดเห็นชัดเจนว่าผู้หญิงคนดังกล่าวจ่ายด้วยธนบัตรฉบับ 100 บาท
...
ด้านนางปิยพร นามวงค์ อายุ 51 ปี ผู้จัดการร้าน กล่าวว่า ตอนเกิดเหตุลูกค้าค่อนข้างเยอะ และคนดังกล่าวก็มาทำท่าทีโวยวายเสียงดังจนเป็นที่สนใจของคนที่มาเลือกซื้อของในร้าน ก็เลยต้องให้เงินทอนไปให้ตามที่เขากล่าวอ้าง แต่พอมาตรวจสอบเจอในภายหลังพบว่าเขาจ่ายแบงก์ 100 ไม่ใช่แบงก์ 1,000 อย่างที่กล่าวอ้าง ตนจึงนำเอาคลิปเหตุการณ์ไปโพสต์ในเฟซบุ๊กเพื่อตามหาบุคคลดังกล่าว เพราะยังคิดในแง่ดีว่าเขาอาจจะจำผิด อยากให้เขากลับมาเคลียร์กับทางร้าน ตอนนั้นยังไม่คิดว่าจะเป็นมิจฉาชีพ แต่หลังจากผ่านไป 3 วันก็ยังไม่มาแสดงตัว จึงคิดว่าโดนมิจฉาชีพหลอกแล้ว และคิดว่าทำเป็นขบวนการ โดยจากในคลิปเหมือนจะมากันประมาณ 3-4 คน
"อยากจะฝากเตือนไปยังร้านค้าผู้ประกอบการต่างๆ ให้เพิ่มความระมัดระวัง เนื่องจากตอนนี้มีมิจฉาชีพในรูปแบบนี้ในพื้นที่ จ.เชียงราย โดยเฉพาะคนที่มีหน้าที่คิดเงิน เวลารับเงินจากคนที่มาซื้อของก็ต้องดูให้ดีว่ารับแบงก์อะไรมา เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น และผู้ประกอบการ ร้านค้า ต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา แจ้งข่าวเตือนกัน หากต้องเจอกับเหตุการณ์ดังกล่าว" นางปิยพร กล่าว.