พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ถวายอารักขาด้วยชีวิต ยึดกฎหมายฟันคนขวางขบวนเสด็จ สั่งขยายผลเอาผิดผู้ร่วมขบวนการ ชี้เห็นต่างทำได้ แต่ต้องไม่แตกแยก ส่วนตัวเชื่อว่าไม่มีใครไม่จงรักภักดี อยากให้ทุกคนเข้าใจ และไม่ตกเป็นเครื่องมือของใคร โดยเฉพาะการเมือง
เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีการจับกุมดำเนินคดีกับตะวัน และพวก ที่บีบแตรขวางขบวนเสด็จฯ ว่า จากแนวทางการสืบสวนและการตั้งข้อสันนิษฐานของเจ้าหน้าที่เชื่อว่าอาจจะมีผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม แต่ต้องดำเนินการรอบคอบจนกว่าจะมีพยานหลักฐานชัดเจน ขณะนี้ยังไม่สามารถชี้ชัดว่ามีบุคคลใดอยู่เบื้องหลังชัดเจน แต่ย้ำว่าได้กำชับให้ดำเนินการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ดูความเชื่อมโยงทุกมิติ ไม่ต้องเร่งรีบจนทำให้ขบวนการยุติธรรมเสียหาย
ถามว่าส่วนที่หลายฝ่ายมีความเห็นต่างในเรื่องดังกล่าวจะทำให้กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวหรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะตำรวจจะใช้พยานหลักฐานดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดเท่านั้น รวมถึงชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจถึงขั้นตอนต่างๆ เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด รวมถึงป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดทางคดีจนถูกสังคมโจมตีได้
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ในส่วนของมาตรการอารักขาดูแลถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จฯ อย่างแรก เรื่อง การจัดขบวนอารักขาเป็นอำนาจหน้าที่ของกรมราชองครักษ์ ส่วนเรื่องเส้นทางการจราจรเป็นอำนาจหน้าที่ของ ตร. ซึ่งหน่วยงานทั้งหมดจะมีการประชุม และจะมีการแถลงแผนร่วมกันทุกครั้งที่จะมีขบวนเสด็จฯ แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการวิ่งเข้ามาในขบวนเสด็จฯ หรือวิ่งคู่ตัดเข้ามาในขบวนเสด็จฯ ซึ่งครั้งนี้ประชาชนยังสามารถสัญจรในเลนซ้ายร่วมกัน โดยไม่มีการปิดจราจร อีกทั้งขบวนปิดท้ายขบวนเสด็จฯ จะมีการติดตั้งกล้องหลังเพื่อดูความเคลื่อนไหว ว่าประชาชนสามารถใช้เส้นทางได้
...
ซึ่งในปัจจุปันขบวนเสด็จฯ ได้มีการปรับให้สอดคล้องกับการใช้รถใช้ถนนของประชาชนในปัจจุปันไม่ให้ได้รับผลกระทบ
ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า การถวายความปลอดภัยเป็นหน้าที่สูงสุดของตำรวจ ต้องทำด้วยชีวิต ส่วนในเรื่องข้อกฎหมายจะต้องทำความเข้าใจกับประชาชนให้มากที่สุดเรื่องขบวนเสด็จฯ ว่าเป็นเรื่องสำคัญของประเทศ เนื่องจากเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชน ความเห็นต่างสามารถทำได้ แต่ต้องไม่แตกแยก แต่ละฝ่ายต้องทำความเข้าใจกัน
“ส่วนตัวเชื่อว่าไม่มีใครไม่จงรักภักดี ดังนั้นสิ่งสำคัญคือจะทำยังไงให้เข้าใจเรื่องของสถาบัน และประวัติศาสตร์ชาติไทย อยากให้ทุกคนเข้าใจ และไม่ตกเป็นเครื่องมือของใคร โดยเฉพาะการเมือง” ผบ.ตร. กล่าวทิ้งท้าย.